โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
10เรื่องเศร้ามาก(ถ้าตั้งใจอ่านจบร้องไห้แน่)
ponza1144
#1
22-10-2010 - 19:28:44

#1 ponza1144  [ 22-10-2010 - 19:28:44 ]





เรื่องนี้เราไปเจอมาในเว็บหนึงเลยอยากลองมาให้เพื่อนๆอ่านดู แต่.........อ่านหลายๆวันก้อได้นะมันยาวมากๆ

ฟ้า-แบงค์ เรื่องซึ้งๆ ถ้าเป็นคุณคุณจะรู้สึกไงลองอ่านดู
ผมกำลังยืนอยู่บนสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ท้องฟ้าในคืนนี้มืดสนิท
มีเพียงแสงเรืองเรืองของหลอดไฟทอดยาวตามแนวสะพานไป
การที่ได้เห็น.งเทพในมุมนี้

มันทำให้ได้พบหลายต่อหลายอย่างที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น ผมมองออกไปในย่านชุมชน

แสงไฟหลากสีในอาคารบ้านเรือนกระจายไปจนสุดลูกหูลูกตา

เรียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปเป็นถนนทอดยาว มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่สาดไปยังริมถนน

ส่วนบนสะพานที่ผมกำลังยืนอยู่นี้ก็เป็นถนนกว้างพอสมควร

มีรถวิ่งอย่างเบาบางเพราะคนมักจะใช้เส้นทางอื่นกัน บนนี้มันจึงเงียบสงบ

ผมไม่แปลกใจเลยที่เธอมักจะชวนผมมาที่นี่เป็นประจำ

ผมไม่ได้ขึ้นมาบนนี้หลายปีแล้วเพราะที่แห่งนี้มันทำให้ผมหวนนึกถึงเธอ

เธอมักจะให้ผมมายืนดูดาวเป็นเพื่อนเธอ

กินไอศกรีมรสสตอเบอรี่ที่เธอชอบเป็นเพื่อนเธอ >ที่แห่งนี้มันเคยทำให้ผมมีความสุข ผมคงได้ขึ้นมาบนนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

หลังจากวันนี้ไปผมจะจากไปและไม่หวนกลับมาอีก จะมีเพียงความทรงจำของเธอเท่านั้น

ที่จะอยู่ในใจผมตลอดไป……

ผมได้รู้จักเธอครั้งแรกก็เมื่อตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.1

ผมก้าวเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ พวกเราต่างก็เป็นนักเรียนใหม่
หลายหลายอย่างในห้องใหม่ของผมนี้ดูมันจะน่าเบื่อซะจริงจริง
หลังจากที่เคารพธงชาติแล้วทุกคนก็เข้าชั้นเรียน
และก็เป็นธรรมดาของนักเรียนใหม่ทั้งหลายก็ต้องมีการแนะนำตัวกัน
อาจารย์ประจำชั้นของผมเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ดูท่าทางอาจารย์เป็นคนใจดีมาก
อาจารย์ก็เริ่มแนะนำตัวเอง ขณะที่อาจารย์กำลังพูดอยู่
ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา “อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตเข้าห้อง”
ผมรีบหันไปยังที่มาของเสียงนั้นทันที แล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้ามา
โอ้!แม่เจ้าโว้ย เธอช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ถึงดูเธอจะชอบตื่นสายไปสักหน่อย

แต่ถ้าเอามาบวกลบกับความสวยแล้ว ตื่นสายแค่นี้ผมยกให้ ความคิดผมในตอนนั้น
ทำยังไงจะได้รู้จักเธอบ้างนะเธอเดินเข้ามาแล้วก็หาเก้าอี้นั่ง
ตอนนั้นที่ข้างผมมีกระเป๋าใครก็ไม่รู้วางอยู่

คนทั้งห้องตอนนั้นก็คุยกันโดยไม่สนใจอะไรเลย
ผมเลยจับกระเป๋านายที่นั่งข้างผมโยนไปโต๊ะตัวข้างหลัง
ทั้งห้องเลยเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว คือที่นั่งข้างผม เธอเดินมาใกล้ๆ
ผมแล้วก็พูดอย่างอ่อนหวาน
“นั่งด้วยได้มั๊ย” ก็จะไม่ได้ ได้ยังไง
ก็ที่ตรงนี้ผมพึ่งจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะ ผมหันหน้าไปหาเธอแล้วก็พยักหน้า
แล้วเธอก็นั่งลงฟังที่อาจารย์พูดหน้าห้อง

ขณะที่เธอกำลังจับจ้องอยู่ที่อาจารย์
แต่ผมไม่สนใจอาจารย์เลยเอาแต่ชำเรืองไปที่หน้าของเธอ
ใบหน้าของเธอช่างขาวหมดจดอะไรอย่างนี้ แก้มเป็นสีชมพูอ่อนๆ
ดวงตาของเธอกลมโตใสเป็นประกาย ผมไม่เคยเห็นดวงตาคู่ไหนสวยแบบนี้มาก่อน
ขนตาของเธองอน ยังกะตุ๊กตา ปากเรียวเล็ก
ทั่วทั้งใบหน้าของเธอมันช่างสวยจับใจอะไรเช่นนี้
ผมใจลอยมองหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย
ผมพยายามมองไปที่ปกเสื้อของเธอเพื่อจะดูว่าเธอชื่ออะไร
เกือบจะเห็นอยู่แล้วเชียว ทันใดนั้นเธอก็หันมาหาผม เธอยิ้ม “มีอะไรหรอค่ะ”
ผมสะดุ้งขึ้นมาทันที “อ้อ ปะ ปะ ป่าวครับ”
ผมตื่นเต้นไม่รู้จะทำอะไรเลยหยิบหนังสือในกระเป๋าขึ้นมา
ดันไปหยิบผิดหยิบเอาหนังสือโป๊ขึ้นมา เธอเหลือบมาเห็นเข้าเลยยิ้มแกมหัวเราะ
ทีแรกผมคิดว่าเธอยิ้มให้ผม แต่พอเห็นหนังสือในมือตัวเอง
ผมตกใจเลยรีบปัดความรับผิดชอบทันที “ไม่..ไม่ใช่ของผมครับ!
นายที่นั่งข้างหลังมันฝากไว้”
เธอหัวเราะอย่างน่ารัก”ก็ไม่แปลกหนิพี่ชายเค้าก็อ่าน”
ผมรีบเก็บทันทีแล้วเอาหนังสืออื่นขึ้นมา ผมอายเธอแทบแย่

ผมหยิบหนังสืออื่นขึ้นมาทันที
ผมนั่งอ่านหนังสือทั้งที่จิตใจมันอยู่ที่คนข้างข้าง

ผมนั่งเงียบได้พักหนึ่งเธอก็มาสะกิดผม ผมรีบหันไปหาเธอทันที
“อาจารย์ให้แนะนำตัวกับคนนั่งข้างข้างเค้าชื่อ รุ่งฟ้า เรียกว่า ฟ้า
เฉยเฉยก็ได้ แล้วตัวเองชื่ออะไร” ผมนั่งพิจารณาอยู่พักหนึ่ง
อืม…..คนอะไรนอกจากจะน่ารักแล้ว ชื่อก็ยังเพราะอีก “รุ่งฟ้า”
ผมทำไมชอบชื่อนี้จังนะ! ผมนั่งจนลืมไปเลยว่าเธอกำลังถามถึงชื่อผมอยู่
เธอสะกิดผมอีก
“ชื่ออะไร บอกบ้างสิ” ผมสะดุ้งอีกที “อ้อ! เราชื่อ แบ๊งค์”
“บ้านฟ้าอยู่แถวบางเขนนู้นบ้านแบ๊งค์อยู่แถวไหนหละ”
ผมตอบเธอทันทีเลยว่าอยู่แถวบางเขนเหมือนกัน
ทั้งที่ความจริงบ้านผมอยู่คนละเขตกับเธอเลย
“งั้นขากลับแบ๊งค์กลับเป็นเพื่อนฟ้านะ”
เธอก็ยิ้มแล้วพยักหน้าผมชอบรอยยิ้มของเธอจริงจริง หลังจากที่ผมรู้จักเธอ
ชั่วโมงนั้นทั้งชั่วโมงผมก็คุยกับเธอไม่หยุดเลย เธอเป็นคนพูดเพราะ
และคุยสนุกมาก ผมสามารถฟังเธอได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย
หลังจากคาบนั้นผมก็ตามติดฟ้าทั้งวันเลย
ชนิดที่ว่าที่นั่งข้างเธอไม่มีใครแตะต้องได้เลย
เพื่อนทั้งห้องผมยังไม่รู้จักใครเลย ผมรู้จักแต่ฟ้าคนเดียว
หลังจากเลิกเรียนเราก็กลับบ้านพร้อมกันพอรถถึงบ้านเธอ เธอก็ลงรถ
เธอชวนผมลงไปเล่นบ้านเธอ แต่ผมก็ส่ายหน้ากลัวว่าพ่อเธอจะว่า
ผมนั่งรถเลยบ้านฟ้าไปอีก 1 ป้ายรถเมล์
จากนั้นผมก็ลงมาขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อตีรถกลับไปลงโรงเรียน
แล้วผมถึงขึ้นรถที่จะกลับบ้านผมจริงจริง
และดูเหมือนการนั่งรถมาส่งฟ้าแบบนี้ผมทำทุกวันจนเป็นนิสัยเลยก็ว่าได้
ฟ้าเธอชอบที่จะมาสายทุกวันเลย อาจารย์เริ่มที่จะสอนหนังสือแล้ว
ทุกอย่างที่อาจารย์สอนดูเหมือนมันจะซึมเข้าสมองผมอย่างรวดเร็ว

แต่ฟ้านี่สินั่งฟังอยู่ด้วยกันแท้แท้ แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องเลย
พอพักเที่ยงผมก็ซื้อข้าว 2 จานออกมานั่งทานอยู่ม้าหินอ่อนกับฟ้า
ผมไม่เคยเข้าไปทานข้าวในโรงอาหารเลย
หลังจากที่ผมยื่นจานข้าวให้เธอเธอก็นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย
ผมยังไม่ทานข้าวเพราะมีสิ่งที่ผมกังวลมากกว่า
ผมหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ในกระเป๋าฟ้าออกมา “ฟ้า!
ไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวแบ๊งค์ อธิบายให้ฟัง”
ผมเปิดไปเรื่อยๆขณะที่กำลังรอคำตอบจากเธอ
เธอใช้นิ้วเรียวเรียวของเธอชี้มาบนหนังสืออย่างรังเร
“ก็..ก็….ทั้งหมดเลยแหละ”

ผมจึงเริ่มอธิบายทั้งหมดให้ฟ้าฟังชนิดก๊อป+++ทุกคำที่อาจารย์พูด
ผมอธิบายไปเกือบชั่วโมง จนหมดเปลือกเลยทีเดียว “เป็นไงฟ้าเข้าใจแล้วใช่มั๊ย”
เธอเริ่มมีอาการรังเรอีกแล้วครับท่าน “ฟ้า….ฟ้า…. เข้าใจ..ก็ได้”
ผมรู้ทันทีเลยว่าเธอไม่เข้าใจ
“โธ่! ฟ้าก็…งั้นฟังใหม่นะ”
ผมจึงเริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่าฟ้าจะเข้าใจได้
สงสัยว่าความสวยของเธอมันจะดูดกลืนเอาความเฉลียวฉลาดที่เธอมีไปซะหมดเลย
แต่ยังไงเธอก็น่ารักดี ยิ่งเวลาที่เธอทำหน้างงในสิ่งที่ผมสอน
ผมยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักเข้าไปใหญ่
ผู้หญิงในอุดมคติของผมไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็ได้
จากวันนั้นผมก็คอยเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ฟ้าเสมอมา
หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรผมก็จะอยู่ข้างฟ้าเสมอ
แล้วความรู้ทั้งหลายก็กำลังจะต้องถูกใช้ออกมา
วันนี้อาจารย์สอบเก็บคะแนนพวกเราก่อนที่จะสอบผมก็ติวให้ฟ้าอย่างเต็มที่
ย้ำแล้วย้ำอีกจนเธอบอกว่าเธอเข้าใจอย่างดีเยี่ยมเลย พอเข้าห้องสอบผมก็เริ่มทำ
มันง่ายมากเลยสำหรับผม อาจารย์ให้เวลา 1 ช.ม. แต่ผมเสร็จตั้งแต่ 20 นาทีแรก
ผมห่วงก็แต่ฟ้าที่นั่งอยู่คนละฟากกับผมเลย
สีหน้าของเธอตอนนี้ชักจะออกอาการแล้ว
พอหมดชั่วโมงอาจารย์ก็สั่งให้ผมยกข้อสอบทั้งหมดไปวางไว้โต๊ะห้องอาจารย์
ขณะเดินผมก็รีบเปิดหาของฟ้าทันที โอ้! แม่เจ้า ผิดหมดเลยครับ
ผมยืนคิดอยู่พักว่าจะทำยังไงดี เพราะข้อสอบคราวนี้มีคะแนนเยอะมาก
หากสอบไม่ผ่าน มีหวังเกรด 0 อยู่แค่เอื้อม
ผมเลยตัดสินใจหยิบกระดาษคำตอบใบใหม่ขึ้นมาแล้วผมก็ทำใหม่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทื่ทำก็ต้องคอยระวังอาจารย์เหมือนกัน พอผมทำเสร็จ ก็เขียนชื่อฟ้าลงไป
จากนั้นก็เก็บเข้ากองเดิมแบบที่อาจารย์ไม่สงสัยแม้แต่น้อย
ส่วนกระดาษคำตอบใบเดิมของฟ้าผมก็พับเป็นจรวดเล่นเห็นจะเป็นประโยชน์มากกว่า
หลังจากวันนั้นอาจารย์ก็ประกาศคะแนน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ผ่านกัน
แต่ทุกคนก็ต้องอึ้ง! เมื่อทั้งห้องมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้คะแนนเต็ม

คือผมกับฟ้า

ผมหนะเขาไม่ค่อยสงสัยกันหลอกเพราะใครก็รู้ว่าผมเรียนเก่งแค่ไหน แต่ที่

“รุ่งฟ้า” ได้คะแนนเต็มนี่สิทำเอาเพื่อนๆงง แบบบอกไม่ถูกเลยหละ
เธอดีใจหันมาหาผม “เห็นมั๊ยแบ๊งค์ ฟ้าก็ทำได้”
ผมแอบหัวเราะในท่าทางอันมั่นใจว่าทำได้! ของเธอ แต่ปากผมก็ชมเธอ
ผมไม่เคยบอกกับฟ้าสักคำว่าผมเป็นคนแก้ข้อสอบให้เธอ
และผมก็ยังใช้วิธีนี้ช่วยเหลือเธอหลายต่อหลายครั้งโดยที่เธอไม่รู้ตัว
จนในที่สุดเราก็ขึ้นมา ม.2 จนได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
ผมยังไปส่งเธอที่บ้านทุกวันไม่เปลี่ยนแปลง
ฟ้าก็ยังมาสายเหมือนทุกวันในปีที่แล้ว
จะเปลี่ยนไปก็แต่หนุ่มๆที่มาแอบชอบเธอดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันทุกวัน
วันนี้หลังจากโรงเรียนเลิกผมก็นั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนเพื่อนผมอีก 7 คน
แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเถียงกันอยู่ห้องถัดไป ทีแรกผมก็ไม่สนใจ
เพราะอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
หรือแม้แต่แค่สนใจที่จะฟัง แต่พอเสียงมันเริ่มชัดขึ้น
คราวนี้ผมสนใจขึ้นมาทันที มันเป็นเสียงของฟ้าที่มีเสียงผู้ชายประมาณ 5-6
คนกำลังรุมต่อว่าเธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เธอพูดเลย ผมลุกขึ้นทันที
หยิบไม้เบสบอลที่วางอยู่หลังห้องแล้วเดินไปยังที่มาของเสียง
เพื่อนผมที่นั่งด้วยกันมันก็ตามมาทันที “มีอะไรว่ะ แบ๊งค์!”
“ตามผมมา” ผมพูดพร้อมกับเร่งฝีเท้า พอผมเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดฟ้ากำลังยืนอยู่ท่ามกลาง รุ่นพี่ 5 คนที่กำลัง
ด่าเธอด้วยเรื่องที่ผมคอยช่วยเธอมาหลายต่อหลายครั้ง
ก็รุ่นพี่นายที่เป็นหัวโจกมันแอบชอบฟ้า แต่ฟ้าไม่สนใจมัน
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฟ้ากี่ครั้งผมนับแทบไม่ไหว
ก็ฟ้าเป็นคนสวยนี่ครับก็ต้องมีคนรุมชอบเธอเป็นธรรมดา
แต่ทุกครั้งที่มีคนบอกรักเธอ
เธอก็มักจะปฏิเสธทุกครั้งไป
ผมปล่อยให้มันด่าฟ้าต่อไปโดยที่ผมยังไม่ผลีผลามเข้าไป

ผมยืนดูอย่างไม่พูดไม่จากับพวกเพื่อนผม
แล้วการเถียงกันมันก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้น
รุ่นพี่คนหนึ่งมันกระชากกระเป๋าฟ้าแล้วก็ผลักเธอล้มลงกับพื้น
ผมฟิตร่างกายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เรียกนายที่มันผลักฟ้า พอมันหันมา
ไม้เบสบอลในมือผมก็ถูกขว้างออกไปอย่างเต็มแรงไม้หมุน360องศา ประมาณ 4 รอบ
แล้วก็ถึงปากมันพอดีไม้กระแทกปากมัน มันกระเด็นเลยทีเดียว มันลุกขึ้นมา
แล้วใช้มือจับดูปริมาณเลือดของตัวเองเลือดมันไหลนองไปหมด มันเดินตรงมาที่ผม
ผมรู้ดีว่าการชกกันในแบบนี้ ผู้ที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบ
ผมไม่รอช้ายิงหมัดขวาอย่างไม่ยั้ง คราวนี้มันสลบยาวเลย
เพื่อนมันที่เหลือก็ตรงเข้ามากะจะอัดผมเต็มที่ เพื่อนผมที่มาด้วยกัน
จึงวิ่งเข้าตะลุมบอลกัน เก้าอี้ โต๊ะบริเวณนั้นถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ
ข้าวของในห้องกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ผลสุดท้ายรุ่นพี่ทั้ง 5
ก็สลบตินคาพวกผม สภาพผมแต่ละคนในตอนนั้นก็สะบักสะบอมเอาการเหมือนกัน
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ผมเก็บกระเป๋าฟ้าที่วางอยู่กับพื้นยื่นให้เธอ
“ฟ้า กลับบ้านกันเถอะ”

ผมกับฟ้าก็เดินกลับบ้านโดยที่เธอไม่พูดจาสักคำเอาแต่มองหน้าผม
แต่ถึงผมจะสะบักสะบอมแค่ไหนแต่ผมก็ยังจะไปส่งฟ้าเหมือนเดิม
เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดเลือดให้ผม จนผ้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเลย
เรายืนรอรถอยู่นานมาก เวลาก็เริ่มจะมืดแล้ว จนรถมา ผมเดินจะไปขึ้น
แต่ฟ้าเธอดึงผมไว้ “แบ๊งค์อย่าพึ่งกลับไปดูดาวเป็นเพื่อนฟ้าหน่อย”
ผมก็นึกตลกเหมือนกันทำไมเธอถึงอยากจะดูดาวนะ เธอพาผมขึ้นรถคันใหม่ไปกับเธอ
จนท้องฟ้ามืด ก็มาถึงที่ดูดาวที่เธอว่า “ที่นี่เหรอฟ้า
ที่ว่าจะพาแบ๊งค์มาดูดาว” เธอพยักหน้า “ใช่! ที่นี่หละ ฟ้าไม่เคยชวนใครมาเลยนะ
แบ๊งค์เป็นผู้ชายคนแรกที่ฟ้าพามาเลยหละ” ผมมองที่ ที่เธอว่าดูดาวที่นี่
มันสวย แล้วผมก็หัวเราะ ก็ที่นี่มันสะพานแขวนชัดชัด มันจะสวยกว่าที่อื่นตรงไหน
แต่ผมก็ไม่พูดอะไรปล่อยให้เธอเดินจูงมือผมแล้วก็เดินเพื่อจะขึ้นไปบนสะพานที่ว่า
เธอแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ 2 อัน แล้วก็เดินต่อ
ข้างบนนี้มันเป็นสะพานแขวนที่รถวิ่งได้ 4 เลน แต่ไม่ค่อยจะมีรถวิ่งเท่าไหร่
เพราะเส้นทางนี้มันทำให้เสียเวลามาก
คนจึงมักจะใช้เส้นทางอื่นจะมีก็แต่รถที่จะวิ่งไปฝั่งธนบุรี
สะพานนี้มันจึงดูเงียบเชียบ
ขอบสะพานเป็นทางเท้าสำหรับคนเดินที่ทั้งสะพานดูเหมือนจะมีแค่ผมกับฟ้าเท่านั้นที่กำลังเดินอยู่

เธอพาผมเดินไปจนถึงกลางสะพานแล้วเธอก็หยุดเดิน
เธอมองลงไปตามชุมชนที่มีแสงไฟระยิบระยับ
และก็มองตามถนนที่เรียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนสุดลูกหูลูกตา
เธอมองขึ้นไปข้างบนเพื่อจะดูดาวบนท้องฟ้า อย่างที่เธอพูดจริงครับ
บนนี้ทุกอย่างมันดูสวยไปหมด เธอมองดาวพร้อมกับกินไอศกรีม
ผมแอบมองใบหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย เธอทำไมถึงน่ารักอย่างนี้นะ
ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา หรือจะนิสัย เธอก็ดูดีไปหมด
เธอยังสวยเหมือนที่ผมเห็นครั้งแรกไม่มีผิด แต่ตอนนี้เธอดูจะสวยกว่าเดิม
เธอเริ่มที่จะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
แววตาที่กลมโตและเป็นประกายของเธอมันช่างสวยจับใจจริงจริง เธอหันมายิ้มให้ผม
“แบ๊งค์ ที่นี่สวยมั๊ย..ฟ้าชอบมาบ่อยๆ” ผมพยักหน้า “อื้ม ก็…สวยดีหนิ
แล้วปกติฟ้ามากับใครหละ”
“ก็มาคนเดียวหนะสิ…ถามได้ จะให้ฟ้ามากับใครหละจ๊ะ”
ผมมองตาเธอแล้วพูด “ทำไมฟ้าต้องมาคนเดียวด้วยหละ…. แค่ฟ้าออกปากชวน
ผู้ชายทั้งโรงเรียนก็พามากันเป็นแถบแล้ว มีคนเขาชอบฟ้าเยอะจะตาย” เธอยิ้ม
“ผู้ชายที่ว่าเนี่ย…รวมถึงแบ๊งค์ด้วยหรือเปล่าหละ”
ผมไม่ตอบเธอแล้วเงียบไป เธอใช้มือมาจับแผลที่อยู่แก้มผม “เจ็บมั๊ยแผลนี่”
ผมส่ายหน้า “ก็ ไม่เท่าไหร่” เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาเช็ดให้ผมอีก
“แบ๊งค์เนี่ย ยอมเจ็บเพื่อฟ้าเสมอเลยนะ แบ๊งค์เหมือนเป็นฮีโร่ ประจำตัวฟ้าเลย
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช่วยฟ้าเสมอเลย ว่าแต่ว่าทำไมน๊า…. แบ๊งค์ถึงชอบช่วยฟ้า
เอ๊ะ….เอ๊ะ….คิดอะไรอยู่น๊า….” เธอพูดแบบอมยิ้มด้วยท่าทางน่ารัก
ผมรีบตอบไปเพราะความเขิน “ก็ ก็ ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง
เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิจริงมั๊ย” ผมพยายามหลบสายตาที่เธอมอง
แล้วก็ชวนเธอคุยเรื่องอื่น เราคุยกันจนดึกเธอก็ชวนผมกลับ ผมก็พยักหน้า “ฟ้า
ว่าแต่ว่าเราจะกลับกันยังไง รถก็หมดแล้ว ทุกครั้งที่ฟ้ามาฟ้ากลับยังไงหละ”
“ฟ้ามาทุกครั้งก็เดินกลับไง!”
ผมรู้สึกตลกทำไมเธอถึงต้องเหนื่อยเดินเพียงเพื่อมาดูดาวแค่นี้นะ

ผมก็เดินนำหน้าเธอ เธอเรียกผม “แบ๊งค์! แต่วันนี้ฟ้าไม่ต้องเดินกลับแล้ว”
ผมหันมาทันที “แล้วเราจะกลับยังไงหละฟ้า” เธอยิ้มแบบเด็กเด็ก “ก็
ทุกวันฟ้ามาคนเดียวฟ้าก็เดินกลับ….แต่วันนี้มีแบ๊งค์
ฟ้าก็จะขี่หลังแบ๊งค์กลับยังไงเล่า”
เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมแบบไม่ให้ตั้งตัวเลย “โธ่! ฟ้า..ก็..ตั้งไกลนะ”
เธอไม่ฟังผม แล้วเธอก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า แล้วสั่งให้ผมเดิน เธอชวนผมคุยตลอดทาง
การที่ผมได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้มันทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย
คืนนี้มันทำให้ผมมีความสุขมาก หากผมหยุดเวลาได้ผมจะหยุดอยู่แค่ตอนนี้ตลอดไป……
การมาโรงเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลายคน แต่สำหรับผมไม่เลยครับ
ผมอยากจะมาทุกวัน ทุกวัน ไม่มีวันหยุดไม่มีปิดเทอมเลยด้วยซ้ำไป
เพราะถ้าวันไหนผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าก็เหมือนบางอย่างในชีวิตผมมันขาดหายไป

วันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าเลยวันนี้เป็นวัน “วาเลนไทน์”
ผมนั่งข้างฟ้า ตลอดทั้งวันมีผู้ชายเอากุหลาบมาให้เธอนับดอกไม่ถ้วนเลย
แต่ผมก็ยิ้มและก็แสดงความยินดีกับเธอ
หลังจากที่โรงเรียนเลิกผมก็มาทำความสะอาดห้องเพราะวันนี้เป็นเวรประจำวันของผม
ฟ้าเธอก็นั่งรอผมอยู่หลังห้อง เธอนั่งเด็ดกลีบกุหลาบเล่น
ดูเธอจะไม่เสียดายดอกกุหลาบเหล่านั้นเลย หลังจากที่ผมทำความสะอาดเสร็จ
เวลาในตอนนั้นมันก็เย็นมากแล้ว ผมจึงออกไปล้างไม้ล้างมือแล้วก็ปิดห้อง
ฟ้าเธอก็ชวนผมกลับ
ขณะที่เธอกำลังเดินผมก็คิดอยู่นานจนในที่สุดผมก็แข็งใจเรียกเธอ
“ฟ้าเดี๋ยวก่อน” เธอหันมาหาผมแล้วยิ้ม “มีอะไรหรอแบ๊งค์”
ผมเปิดกระเป๋าสะพายของผมแล้วค้นหาสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น
มันถูกห่อไว้อย่างทนุถนอม
มันคือดอกทิวลิปส์สีขาวที่ผมเตรียมมาให้เธอตั้งแต่เช้า

แต่ผมไม่กล้าที่จะให้เธอ ถึงมันจะดูเฉาลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงงดงามอยู่
ผมค่อยๆคลี่กระดาษที่ห่อมันอยู่แล้วก็ยื่นให้ฟ้า
“อ๊ะ แบ๊งค์ให้” ตอนนั้นใจผมเต้นตุ๊บตั๊บเลย
เธอดีใจมากที่ผมให้เธอ
เธอค่อยๆหยิบจากมือผมไป ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตาของเธอจับจ้องมา
ที่ผม “สวยจังเลย…. รู้มั๊ย ทั้งวัน ฟ้ารอดอกไม้จากแบ๊งค์คนเดียวเลย”
เธอพูดจบก็เอากุหลาบหลายดอกที่ เพื่อนๆเธอให้
เธอเอากุหลาบทั้งหมดทิ้งลงถังขยะทันที เหลือแต่เพียงทิวลิปส์ที่ผมให้เธอ
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสำคัญสำหรับเธอมากเลย
เธอรีบเดินมาขวางทางไม่ให้ผมเดินต่อ
เธอจ้องตาผมแววตาของเธอมันทำให้ผมเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจของผมเต้น ราว
150 ครั้ง ต่อนาทีได้มั๊ง เธอยิ้มแบบหน้าแดง ดูแล้วน่ารักมาก แล้วพูดกับผม
“เอ๊ะ….เอ๊ะ….เอ๊ะ แบ๊งค์ให้ฟ้าทำไมน๊า…บอกมาซะดีดี
รู้นะว่าคิดอะไรอยู่…รู้น๊ะ…รู้น๊ะ” ผมรีบหลบสายตาเธอด้วยความเขิน
แต่เธอก็ยังเดินอ้อมมาจ้องหน้าผม แล้วก็ถามอีก ผมหลบหน้าเธอไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดผมก็ต้องจนมุม เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะจับได้ว่าผมชอบเธอ
เธอจะชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งไป แต่ผมก็มักจะหาข้อแก้ตัวทุกครั้ง
ผมคิดด้วยความเขินอยู่นานว่าจะแก้ตัวว่ายังไงดี “คือ…คือ อ้อใช่!
ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ไง แบ๊งค์ ก็อยากจะให้อะไรฟ้าบ้าง”
เธอหัวเราะในคำตอบของผม “แล้วทำไมถึงอยากจะให้ฟ้าหละจ๊ะ….ตอบให้ตรงประเด็นสิ”
ผมชักจะจนมุม เลยต้องวกไปคำตอบที่ผมมักจะใช้อยู่เสมอ “ก็…ก็
ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง”
“นั่นไง…ว่าแล้วเชียว ชอบวนมาจบคำว่าเพื่อนอยู่เรื่อยเลยแบ๊งค์หนะจะตอบแบบอื่นบ้างไม่ได้หรือไง”
“อ้าว..ก็ถ้าไม่ให้พูดว่าเพื่อนจะให้พูดว่าไงหละ…ฟ้าก็” เธอจ้องตาผมอยู่นาน
”อ๊ะ…ถ้าแบ๊งค์บอกว่าคิดกับฟ้าแค่เพื่อน แล้วในห้องเราก็มีกันตั้ง 50 กว่าคน
ไม่เห็นว่าจะได้ดอกไม้จากแบ๊งค์ บ้างเลย….เนอะ”
ดูเหมือนผมจะแก้ตัวไม่ขึ้นเลยสำหรับคำพูดของเธอ ฟ้าเธอมักจะต้อนผมจน จนมุมเสมอ
และพยายามให้ผมยอมรับให้ได้เลยทีเดียว ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าไง
ผมเลยชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ “ฟ้า ฟ้า รถมาแล้วรีบไปกันดีกว่า”
“เดี๋ยวก่อนซี้…มาตอบก่อน” ผมรีบวิ่งขึ้นทันที
ตลอดทางบนรถเธอยิ้มและก็จ้องหน้าผมไม่กระพริบตาเลย
การเอาทิวลิปส์ให้เธอในวันนั้นทำให้ฟ้าเธอดูมีความสุขมาก
แต่อาจารย์ก็สั่งให้ทุกคนนั่งลงเพื่อเตรียมตัวที่จะสอบ
หลังจากวันนั้นก่อนที่อาจารย์จะติดป้ายประกาศชื่อนักเรียนว่าจะได้อยู่สายไหน
ห้องไหน ผมไปขอดูผลกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผมก่อน
ชื่อผมกับฟ้าเราได้อยู่คนละห้อง กันเลย ฟ้าเธอหัวอ่อนได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
ส่วนผมได้อยู่สาย วิทย์-คณิต คะแนนนี้นำโด่งเลย
ผมเห็นอย่างนั้นเลยขออาจารย์ย้ายไปอยู่ สายศิลป์-ภาษา ทันที
ทีแรกอาจารย์ก็ไม่อยากให้ผมเปลี่ยนห้องอาจารย์บอกว่าคนหัวไวอย่างผม เรียนสาย
วิทย์-คณิต จะไปได้ไกลเลย แต่ผมก็ไม่ฟัง ขอร้องอาจารย์ด้วยเหตุผล นานัปการ
จนในที่สุดอาจารย์ก็ย้ายชื่อผมไปห้องเดียวกันกับฟ้าเลยครับ

ผมดีใจมากที่ผมจะได้ใกล้ชิดเธออีกตั้ง 3 ปี
ก็ตลอดเวลาที่ผมได้รู้จักเธอมันกลายเป็นความผูกพันที่ฝังลึกอยู่ในใจผม
มันคงยากที่ผมจะละสายตาจากเธอได้
วันที่ผมรอก็มาถึง ฟ้าเธอดีใจมากที่เห็นผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ

แต่เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างผมทำไมถึงได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
ฟ้าเธอดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น
แต่นิสัยก็ยังคงเป็นฟ้าเหมือนเดิมเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
และก็ชอบที่จะให้ผมเอาใจอยู่เสมอ เธอมักจะให้ผมชอบอะไรที่เหมือนเหมือนกับเธอ
เวลากินข้าวอาหารก็ต้องเหมือนกัน
ถ้าข้าวจานไหนเยอะกว่ากันเธอก็ต้องเอามาแบ่งให้เท่ากันทั้ง 2 จานถึงจะกินได้
น้ำที่ดื่มก็ต้องเหมือนกันโดยมากจะเป็นน้ำส้ม
ปากกายังต้องเป็นยี่ห้อเดียวกันเลย
และก็อีกหลายต่อหลายอย่างที่เธอมักจะสรรหามา แม้แต่รองเท้า
เธอยังเคยเปลี่ยนกันใส่กับผมเลย ถึงผมจะอายเพื่อนก็เหอะ แต่ผมก็ไม่เคยขัดใจเธอ
เธอว่าไง
ผมก็ว่างั้น ความสุขเล็กเล็กน้อยน้อยที่เกิดขึ้นในใจผมทุกวัน
จึงทำให้ผมรู้สึกห่วงใยเธออยู่ตลอดเวลา
เวลาที่เธอร้อนผมก็จะหากระดาษมาทำเป็นพัดแล้วก็พัดให้เธอ
เวลาที่เธอหนาวผมก็จะถอดเสื้อหนาวของผมคลุมให้เธอ
เวลาที่เธอตากฝนผมก็จะใช้กระเป๋าผมเป็นร่มบังฝนให้เธอโดยที่ไม่สนใจหนังสือที่อยู่ข้างในเลยว่ามันจะเปียกแค่ไหน

หรือแม้แต่เวลาที่เธอถูกอาจารย์ทำโทษ ผมก็มักจะออกรับแทนเธอเสมอ

ฟ้าเธอเป็นคนที่ไม่กล้าเถียงคนอื่น ผมจึงหาข้อแก้ตัวสารพัดมาช่วยเธอ
หรือถ้ามันเป็นความผิดแบบเต็มเต็ม ที่เถียงไม่ขึ้น ผมก็จะรับโทษแทนเธอ
เธอมักจะถามผมเสมอว่าผมทำไมถึงต้องดีกับเธอขนาดนั้น
แต่ทำไมนะถึงไม่มีสักครั้งเลยที่ผมจะกล้าเอ่ยปากบอกเธอว่า “ผมรักเธอ”
ผมเอาแต่กลัวกลัวว่าหากเธอรู้เธออาจจะจากผมไป
ผมเห็นจากที่ผู้ชายหลายคนที่มาจีบฟ้า ทั้งหล่อทั้งรวย
ฟ้าเธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย ดูเหมือนชายในฝันของเธอคงจะต้องดีไปซะทุกอย่าง
สำหรับผม ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ได้ทำอะไรเพื่อเธอ ได้เห็นเธอยิ้ม
เห็นเธอมีความสุข เท่านั้นมันก็มากพอแล้วสำหรับคนอย่างผม
ผมเป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอยู่หลายปี ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะให้เธอยืนเดียวดาย
ตอนนี้พวกเราก็มาถึงชั้น ม.6แล้วนี่ก็เป็นปีสุดท้ายในชั้นมัธยมแล้วสินะ
ถ้าจะนับจากวันแรกที่ผมเห็นเธอและก็แอบหลงรักเธอ
ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว
แต่ความรักที่ผมมีให้กับเธอมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม
มันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ต้นรักที่เธอได้ปลูกไว้ในใจผมอย่างไม่รู้ตัวตอนนี้มันดูเหมือนจะแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปทุกอนูภาคของ

ร่างกายผมเลยก็ว่าได้

เธอจะรู้บ้างไหมนะว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างเธอเสมอมา

เขาแอบหลงรักเธอจนหมดหัวใจ
เดี๋ยวนี้ผมกับเธอมักจะไปไหนด้วยกันเป็นประจำ ไม่xxxงกันเลยทีเดียว
เวลาที่ผมไปไหนเธอก็มักจะตามติดผมแจเลยเหมือนเด็กที่ขี้อ้อน
แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอเลย
มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
ผมฟันฝ่าอุปสรรคเคียงข้างฟ้าเสมอมา
จนในที่สุดเวลาในช่วงมัธยมของเราก็มาถึงจุดสุดท้าย เรากำลังที่จะEnt

ผมรู้ว่าฟ้าเธอจะเลือกคณะ สถาปัตยกรรม เธอขอให้ผมเรียนกับเธอด้วย ทีแรกผมก็ไม่
ไม่คำเดียวเลย เพราะใจผมอยากจะเรียนแพทย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
และความสามารถอย่างผมรับรองว่าสอบแพทย์ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
แต่ความผูกพันที่ฝังลึกในใจผม ที่มีให้กับฟ้านี่สิ มันทำให้ผมต้องคิดหนัก
ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเลือกระหว่างคนที่ผมรักกับอาชีพที่ผมรัก ตลอดเวลา 6
ปีที่ผ่านมา เธอทำให้ผมมีความสุข เธอทำให้ผมไม่เคยเหงา
เธอทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มีคนที่ผมสามารถสละแม้ชีวิตเพื่อเธอ
แล้วผมจะทำได้หรือหากสองเราจะต้องxxxงกัน ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ Ent
สถาปัตย์ กับฟ้า ผมทิ้งอาชีพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อสิ่งที่ผมรักยิ่งกว่า
วันประกาศผลEnt ก็มาถึงผมรีบมาตั้งแต่เช้าเลย ผู้คนมากมายมาจากทั่วสารทิศ
มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อที่จะมาหาชื่อตนเองบนบอร์ด ผมเบียดเสียดผู้คน
กว่าจะเข้าไปถึงก็เกือบชั่วโมง ชื่อผมอยู่เป็นอันดับแรกเลย
ดูมันจะหมูมากสำหรับผม ผมไม่สนใจชื่อผม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือฟ้า
หากไม่มีชื่อฟ้าบนนี้ ผมจะเรียนมหาลัยเปิดกับเธอ ผมมองหาชื่อฟ้าเรียงลงมาเลย
20 คนก็แล้ว 50 คนก็แล้ว 100 คนก็แล้ว 300 คนก็แล้ว ผมเปิดหาแผ่นแล้วแผ่นเล่า
มันเริ่มทำให้ผมใจเสียขึ้นมาทุกที ผมเปิดมาจนถึงแผ่นสุดท้าย มองลงไปเรื่อยๆ
เห็นชื่อฟ้าอยู่เป็นอันดับสุดท้ายพอดีเป๊ะเลย ผมดีใจมากเลย
ผมจะไม่ได้จากเธออีกแล้ว ผมกระโดดดีใจวิ่งไปทั่วเลย
หลังจากวันนั้นผมก็เฝ้ารอวันที่ผมจะได้เจอฟ้าอีกครั้งในชุดนักศึกษามหาลัย

แล้ววันแรกในมหาลัยก็มาถึง เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับผมอยากที่จะเห็นหน้าเธอ
ผมเดินเข้าประตูมหาลัยมา ที่นี่มันกว้างใหญ่มาก
เต็มไปด้วยร่มไม้ดูร่มรื่นไปหมด
ตามทางเดินก็มีทั้งนักศึกษาหญิงชายเดินพลุกพล่านไปหมด
ข้างทางก็ติดป้ายแสดงความยินดีกับนักศึกษาใหม่ ผมมองหาคณะ สถาปัตย์ อยู่นาน
ผมนั่งรอฟ้าอยู่หน้าตึก เธอนี้ยังชอบมาสายเหมือนเดิมเลย ไม่รู้จักโตสักที
แล้วผมก็เห็นฟ้าเดินผ่าเหล่านักศึกษามาแต่ไกลเลย
ตอนนี้เธอดูไม่เหมือนฟ้าคนเดิมเลย ผมเธอยาว
ตาก็กลมโตเป็นประกายแก้มกับปากก็สีชมพูอ่อนๆ เธอสวยกว่าเดิมจนผมจำแทบไม่ได้
และยังใส่ชุดนักศึกษามหาลัย ที่มองแล้วโค้งเว้าเข้ารูป
มันต่างกันลิบลับกับตอนมัธยมเลย นักศึกษาชายที่เดินสวนกับฟ้ามองตามกันเป็นแถบ
ผมของเธอเวลาที่ต้องลมก็ปลิวออกเล็กน้อย ทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี ที่ฟ้าเธอสวยขึ้น
เธอเห็นผมนั่งรออยู่เธอรีบวิ่งมาทันที ถึงหลายหลายอย่างในตัวฟ้ามันจะเปลี่ยนไป
แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นนิสัยของเธอ
เธอยังคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผมเช่นเดิม ผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
ทำตัวเหมือนเด็กเด็ก ที่ผมชอบเธอก็ตรงนี้แหละ
ถึงผมกับฟ้าจะเข้าสู่มหาลัยแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม
ผมยังนั่งรถไปส่งเธอบ้านทุกวัน ผมยังทานข้าวกับเธอทุกมื้อ
ผมยังไปดูดาวกับเธอเป็นประจำ และผมก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของเธอทุกลมหายใจ……………
……..แต่พอเราขึ้นปี 2 ทุกอย่างมันก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป

มีผู้ชายที่พร้อมไปซะทุกอย่างทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะ
หลายต่อหลายคนต่างมารุมชอบเธอ ดูผมจะเทียบกับใครเขาไม่ได้เลย
ตอนนี้ฟ้าเธอเป็นดาวของมหาลัยเลยก็ว่าได้ เธอไม่ใช่ฟ้าที่เพื่อนๆ
ชอบหาว่าเรียนอ่อน ชอบมาสาย อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนความบกพร่องที่เธอเคยมี
มันถูกความสวยและความสามารถในด้านอื่นของเธอทดแทนไปหมดเลย
เธอเป็นเชียร์หลีดเดอร์ของมหาลัยที่เด่นกว่าคนอื่นๆ
เธอเข้าร่วมในหลายหลายกิจกรรมของโรงเรียน
หรือจะเป็นการประกวดด้านความสวยความงามต่างๆ ดูเหมือนฟ้าเธอจะกวาดเรียบเลย
แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ฟ้าเธอจะลืมผม จิตใจเธอข้างในยังเหมือนเดิมทุกประการ
จะเปลี่ยนไปก็แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอที่มันทำให้ผมดูจะไม่เหมาะกับฟ้า
ลงไปทุกขณะ เดี๋ยวนี้เวลาที่ผมไปไหนกับเธอมักจะมีคนมองตลอด
ผมเริ่มรู้สึกว่าผมxxxงเธอไปเรื่อยๆ เหมือนเรือที่ถูกปล่อยลอยเคว้งคว้าง
ซึ่งนับวันลมฝนจะทำให้มันxxxงออกจากผืนดินเข้าทุกขณะ เมื่อก่อนผมเคยคิดเสมอว่า
เธอเป็นนางฟ้า……. ที่ผมต้องคอยช่วยเหลือเสมอตอนนี้มันก็ยิ่งไกลลับตา
เปลี่ยนเป็นคำว่า “ดอกฟ้ากับหมาวัด”ดูจะเหมาะกว่า เมื่อก่อนที่ผมคอยช่วยเธอไปซะทุกเรื่อง
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มหมดความสำคัญแล้ว
ผู้คนรอบตัวฟ้าต่างช่วยเหลือดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก
จึงทำให้ผมพยายามปลีกตัวออกจากเธอ เวลาเดินกับเธอผมก็พยายามรักษาระยะไว้
หลายอย่างในตัวผมมันเปลี่ยนไป จนทำให้ฟ้าเธอผิดส


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-10-29 18:23:48
best10210


นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#2
22-10-2010 - 19:29:28

#2 ponza1144  [ 22-10-2010 - 19:29:28 ]





เรื่องจริงเศร้ามากควรอ่านด้วยความระมัดระวัง!!

ตั้งแต่ปี 2515 ก่อนน้ำท่วมใหญ่ 1 ปี อ.พานทอง จ.ชลบุรีบ้านเรา
สมัยนั้นยังกันดาร มีถนนสภาพทางเกวียนเพียงสายเดียว จากหมู่บ้านถึง อำเภอ
การสัญจรปกตินอกจาก ใช้เกวียน แล้วยังต้องไปมาโดยอาศัยทางเรือ

พี่หล้า สาวเหนือ ขาวสวย สมส่วนตามพี่ชัยมาจาก การไปรับราชการชายแดน
พี่หล้านิสัยดีมาก พูดเพราะ เราเป็นเด็กวัดเห็นแกมาทำบุญทุกวันพระ กับแม่สามี
พี่ชัยนานๆจะกลับบ้านอาจเพราะหน้าที่หรืออย่างไร สุดจะคาดเดา

ความสุขสงบของครอบครัวน้อยๆ เริ่มจะตึงเครียด และเปราะบาง
อันมาจาก อารมณ์รักและฤทธิ์แห่งความคิดถึง ของพี่หล้า
แม่สามีแกเล่าว่า ก่อนวันเกิดเรื่อง พี่หล้าถามว่ายาฆ่าแมลง วันเดอร์บอม กินแล้วตายมั้ย
ป้าแกตอบตามตรงว่า ไม่ตายหากล้างท้องทันภายในครึ่งชั่วโมง
พี่หล้าถามป้าแกว่า เรือเราขับไปอำเภอนานมั้ย
ป้าว่าราว 20 นาทีถ้าพ่อขับ(พ่อพี่ชัย) หากเป็นพี่ชัยก็ ไม่ถึง 10 นาที

นานวัน ที่รอ รอรักที่เฝ้ารอ อาจด้วยภาระกิจทำให้พี่ชัย หายไปเป็นเดือนๆ
พี่หล้าตั้งตารออยู่คอยมองแต่ทางเข้าหน้าบ้าน
แล้ววันนั้นก็มาถึง(จากการบอกเล่าของป้าแม่พี่ชัย) วันที่พี่ชัยเดินเข้ามาในรั้วบ้าน
พี่หล้าวิ่งโผเข้าหาแต่แทนที่จะได้เข้าสู่อ้อมกอด รักที่เฝ้ารอ
แกกลับยกขวดยาฆ่าแมงขวดนั้นขึ้นดื่ม เพื่อประชดและด้วยอาการน้อยใจ
พี่หล้าล้มลงชักตรงหน้าทุกๆคน พี่ชัยรีบอุ้มร่างเมียรักลงเรือ แต่

...โชคร้าย! เรือหางเครื่องโรแทกซ์หัวเขียว กระตุกไม่ติด จนนานพอดู
พี่ชัยอุ้มพี่หล้า วิ่ง จากบ้านมาราวสอง กม.กว่าๆ ตรงที่พวกเราเล่นกันอยู่
ไม่มีรถ ไม่มีเรือผ่านมาแม้แต่ลำเดียว พวกเราวิ่งแห่ตามมาดูเป็นพรวนเลย
ราว 3 กม.จากบ้านเป็นวัดเกาะลอย พี่ชัยหมดแรงทรุดลง ตรงหน้าพวกเรา
วางร่างพี่หล้า ที่สภาพชัก อาเจียน ดิ้นผ้าผ่อนเกือบไม่เหลือติดร่าง
แกชัก กระตุก มีเลือดออกมาตัดกับสีขาวของเนื้อแดงฉาน สักพักก็แน่นิ่ง
ผู้ใหญ่เข้าไปจับตรงคอแล้วหันมาบอกทุกคนว่า หล้าไปแล้ว สิ้นเสียงผู้ใหญ่
พี่ชัยออกวิ่ง ดังบ้าร้องไห้ร้องตะโกน ไปทั่วแบบคุ้มคลั่ง หลังจากเสร็จงานศพเมียแก
แกลาออกจากราชการแล้วหายจากบ้านไปนาน

จนบัดนี้ 30 กว่าปีผ่านมาแล้วที่พี่ชัย ในสภาพเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ารุงรัง
เดินบ่นไปตามประสา ค่ำไหนนอนนั่น บางวันก็ออกเดินไปตามทางรถไปถึง พลูตาหลวง
บางทีก็หายเงียบไป วันนั้นพี่หล้าอาการทรุดหนักรวดเร็วเพราะหมอที่มาพิสูจน์แจ้งว่า
แกท้องได้ราวๆ 4 เดือน...
เหตุการณ์ด้านบน จะไม่กิดขึ้นแน่ๆ และอาจไม่ทำลายอนาคตทั้ง 3 ชีวิต และอนาคตของครอบครัว
หากไม่มีคำว่า น้อยใจ...



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#3
22-10-2010 - 19:32:57

#3 ponza1144  [ 22-10-2010 - 19:32:57 ]





1.ต้นส้มแสนรัก ภาค1
อืม.....ไม่อยากจะบอกว่าอ่านเล่มนี้แล้วร้องไห้อย่างหนักหน่วง...แบบว่าหูบวมตาบวมเรยอ่ะ 555
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกันบเด็กที่ไม่มีใครเข้าใจ พ่อแม่เห็นเป็นเด็กเหลือขอ พอวันนึงเจอคนที่เข้าใจเค้า รักเค้า คนๆนั้นก้อต้องจากไปตลอดกาล...
บ้านเราไม่ได้เป็นแบบในหนังสือหรอก แต่ใครๆก้อเคยเจออารมณ์แบบ...ใครๆก็ไม่เข้าใจใช่ไหม เรื่องนี้เค้าเขียนได้ซึ้งมากเรยอ่ะ อ่านแล้วเศร้าจิงๆ ค้าบอกว่ามันเป็นหนังสือเด็ก แต่เราว่ามันเศร้าเกินกว่าจะเป็นหนังสือเด็กนะ หึหึ

2. เจ้าชายน้อย
อย่างที่เคยเขียนไปแล้ว ตอนที่ทำให้เราร้องไห้คือตอนเจ้าชายน้อยกับหมาจิ้งจอก มันเป็นหนังสือที่ทำให้เรารู้สึกว่า คำว่า"เชื่อง" มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าที่คิด
หนังสือเล่มนี้ก้อเหมือนจะเป็นหนังสือเด็กอีกเหมือนกัน แต่สำหรับเรามันเป็นหนังสือปรัชญานะ...อ่อ...มันไม่ได้น่าเบื่อหรอก จัดว่าสนุกเลยแหละ ให้ข้อคิดดีๆด้วย อย่าลืมไปอ่านกันนะ แนะนำๆ

3. คุณหมอมือใหม่..หัวใจเกินร้อย
เรื่องนี้เป็นการ์ตูนนะ คือ สำหรับเราแล้วก่ร์ตูนดีๆมันก็มีคุณค่าเท่ากับหนังสือแหละ...
เป็นเรื่องเกี่ยวกับแพทย์ฝึกหัด เค้าจะเข้าไปประจำตามวอร์ดต่างๆ แล้วก็จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นให้เค้าได้เรียนรู้(ปัจจุบันรู้สึกจะอยู๋แผนกจิตเวช) อยากบอกว่าเป็นการ์ตูนที่เครียดมากกกกกกกกกกกกกกกกก กดดัน บีบคั้นสุดๆ ตั้งคำถามที่ตอบไม่ได้ให้กับคนอ่านตลอดเวลา คือเป็นการ์ตูนที่ดีมากๆนะ แต่ว่าเวลาเครียดๆจะหลีกเลี่ยง เพราะอ่านเสร็จจะซึมไปอีกนาน
ตอนที่ทำให้ร้องให้คือตอนที่พูดถึงคนไข้โรคมะเร็ง ที่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนซึ่งรู้ว่ารักษาไม่หายอย่างแน่นอน กับหมอสองคนที่มีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันกับพระเอกของเราที่อยู่ตรงกลาง..
ถ้าคุณเป็นหมอคุณจะพูดคุยกับเรื่องความตายกับคนไข้อย่างไร จะบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไรว่าโรคที่เป็นอยู่รักษาไม่หายถ้าคุณ ถ้าเป็นคนไข้ที่ คุณจะพูดเรื่องนี้กับคนใกล้ตัวอย่างไร แล้วจะเลือกการรักษาแบบไหนจะใช้ยาที่ยังไม่ได้รับอนุมัติ และต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการข้างเคียงไปตลอดการรักษาโดยไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่ เพราะอยากสู้จนถึงที่สุด เพื่อจะได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก หรือจะยอมรับความจริง แล้วใช้ชีวิตให้คุ้มค่า..
เนี่ยแหละ เอาใจไปเลยเต็มๆ


4.จับอิดนึ๊ง
ชื่อแปลกๆเนอะ...ก็เพราะมันเป็นหนังจีนกำลังภายในนะสิ เหอเหอ ไม่อยากจะบอกว่าเห็นแบบนี้ที่จิงเราชอบอ่านหนังจีนกำลังภายในมากเลยแหละ อ่านมาตั้งแต่ม.1
ที่จริงเรื่องที่ชอบที่สุดคือ"ฤทธิ์มีดสั้น" ของโกวเล้ง คนเขียนคนเดียวกัน แต่เรื่องนี้ทำให้ร้องให้มากกว่าอ่ะ เลยเลือกเรื่องนี้แล้วกัน...ที่จริงเนื้อเรื่องไม่มีอะไรหรอก ก็เป็นนิยายรักน้ำเน่าแบบกำลังภายใน เรื่องความรักระหว่างจอมโจรกับโฉมงามอันดับ1ของเมือง อะไรแบบนี้ แต่คนเขียนเค้าเขียนดีอ่ะ ก้อเรยซึ้งงงงงงงงงง....อธิบายไม่ถูกอ่ะ ไปอ่านเองละกัน555


5.พลังแห่งชีวิต(Chicken soup for soul)
คนละอันกับแบบเล่มสีนำเงินนะ อันนี้จะเป็นเหมือนเรื่องสั้นซึ้งๆ ที่เป็นเรื่องจริง ที่อ่านแล้วทำให้ได้ข้อคิด ได้เปลี่ยนมุมมองแล้วก็ทัศนคติของตัวเอง เป็นหนังสือที่ดีมากเลยนะ อ่านแล้วจะมีกำลังใจ มองโลกสวยงามและมีความหวังมากขึ้น บางเรื่องก็ซึ้งซะจนนำตาไหลเลยแหละ ฮือๆชอบๆ

แฮ่กๆ...เหนื่อยๆ พิมยาวมากเลยนะเนี่ย งั้นเอาไป 5 อันดับอ่อนแล้วกันเดี๋ยวที่เหลือค่อยมาต่อวันหลังน้า...



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#4
22-10-2010 - 19:37:30

#4 ponza1144  [ 22-10-2010 - 19:37:30 ]





ไม่มีใครมาเรย


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-10-22 19:48:22


นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
jodykiss1
#5
22-10-2010 - 20:27:20

#5 jodykiss1  [ 22-10-2010 - 20:27:20 ]






เรื่องแรกจบจริงหรอ มันทำให้ฟ้าผิด ยังไม่จบนี่นา นั่งอ่านอยู่นานเลย


ponza1144
#6
23-10-2010 - 11:25:43

#6 ponza1144  [ 23-10-2010 - 11:25:43 ]





^^^^^^^^
เอาใหม่น่ะจบแล้ว



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#7
23-10-2010 - 11:50:31

#7 ponza1144  [ 23-10-2010 - 11:50:31 ]





มันซึ้งจิง ๆๆ



เมื่อ 8 ปีก่อน . . .
ผมตื่นเช้ามา อย่างเดียวดาย บนเตียงเล็กๆ เก่าๆ นั้น
ผมทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่าง อย่างที่เคย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ผมออกจากบ้านไปยังออฟฟิศ ตอนเก้าโมงเช้า พร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบเล็กๆ
เมื่อผมไปถึงที่ทำงาน ผมได้พบกับเธอ เช่นทุกวัน
เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของผม โต๊ะทำงานของผมติดกับเธอ
ทุกเช้าที่ผมเข้ามาที่ทำงาน ผมจะเจอเธอเป็นคนที่สอง รองจากพีอาร์หน้าออฟฟิศ
พร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และเสียงอันแจ่มใสของเธอที่ทักทายผมทุกครั้งที่ผมก้าวเข้ามา
เธอไม่ใช่คนสวยเลย เธอดูแย่กว่าสาวๆ หลายคนในออฟฟิศผมด้วยซ้ำไป
แต่ทุกๆ คนในออฟฟิศชอบและเอ็นดูเธอ ด้วยความที่เธอเป็นคนอัธยาศัยดี
พูดจาไพเราะ มีมารยาท อีกทั้งยังเป็นคนมองโลกในแง่ดีเอามากๆ ด้วย
จนบางครั้ง มันทำให้เธอ ตามโลกของคนอื่นไม่ค่อยจะทันเท่าไหร่นัก
น่าแปลก ที่ผมจะรู้สึกเขินๆ ทุกครั้งที่ผมจ้องหน้าเธอนานๆ
ผมรู้สึกว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่น่ารักอย่างบอกไม่ถูก

เธอไม่ใช่คนช่างพูด แต่เธอไม่เคยเงียบเวลาอยู่กับผม
เธอไม่ใช่คนยิ้มเก่ง แต่เรามักจะยิ้มเวลาที่อยู่ด้วยกัน
เธอไม่ใช่คนมีเสน่ห์นัก แต่ผมกลับอยากอยู่ใกล้เธออย่างไม่มีเหตุผล
เธอไม่ใช่คนคุยโทรศัพท์เก่ง แต่เธอไม่เคยเป็นฝ่ายบอกผมว่า \"แค่นี้นะ\" ก่อนเลย
และที่สำคัญ . . . เธอไม่ใช่คนสวย แต่ผมรักเธอ

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เพื่อนที่ทำงานของผมก็เริ่มแต่งงานไปทีละคู่ๆ
ผมได้ไปงานแต่งงานบ่อยครั้งมาก โดยจะมีเธอไปกับผมในทุกๆ ครั้ง
จนทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เราเป็นแฟนกัน
ทั้งๆ ที่เรายังไม่เคยพูดเลยสักครั้ง ว่าเราเป็นแฟนกัน
เจ้าสาวของเพื่อนผม สวยๆ กันทั้งนั้น หน้าตาบางคนเทียบได้กับนางแบบหรือดาราทีเดียว
เธอมักจะพูดทุกครั้งว่า อิจฉาเจ้าสาวเหล่านั้นเหลือเกิน
ถ้าเธอใส่ชุดเจ้าสาว เธอจะสวยเช่นเจ้าสาวเหล่านี้บ้างมั้ย
เธอพูดพร้อมกับทิ้งรอยยิ้มเพ้อฝันไว้ ให้ผมเก็บมานึกถึงทุกครั้ง หลังงานเลี้ยงจบลง
รอยยิ้มของเธอ ดูชุ่มชื่นกว่าทุกครั้ง ที่เธอยิ้มให้ผม ดูสดใส เพ้อฝัน อย่างบรรยายไม่ถูก
ผ่านไปนับร้อยกว่างานแต่งงาน จนผมคิดว่า มันถึงเวลาเสียที ที่ผมจะ เป็นเจ้าบ่าวบ้าง
ผมเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ผมจึงลุกขึ้นมาเตรียมตัว
ผมวาดภาพจินตนาการว่าผมเจอเธอ ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ . . .
เสื้อผ้าชุดเก่ง ดูเรียบร้อย และเหมาะกับรูปร่างอย่างผม . . . ให้เธอได้เอ่ยชมเสื้อของผม
น้ำหอมขวดใหม่ ที่ผมไม่ค่อยจะใช้นัก . . . ให้เธอประหลาดใจ และถามว่า \"วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า\"
มือผมที่ทาโลชั่นอย่างดี . . . ให้มันนุ่มและคู่ควรพอที่จะกุมมือเล็กๆ ของเธอไว้
คำพูดสั้นๆ รวบรัด ที่ผมพร้อมจะบอกกับเธอ . . . ให้เธอยิ้ม และน้ำตาเอ่อเล็กๆ
ดอกไม้สีขาวช่อเล็กๆ กลิ่นหอม . . . พร้อมกับ . . . *แหวนแต่งงาน* สำหรับเธอ

ผมไปหาเธอตามที่นัด ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ผมรอเธออยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่
1 ชั่วโมงผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมยังรอ
2 ชั่วโมงผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมก็ยังรอ
4 ชั่วโมง 12 นาทีผ่านไป . . . เธอไม่มา ผมชักกังวลแล้วสิ เกิดอะไรกับเธอหรือเปล่า
4 ชั่วโมง 27 นาที เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเธอ
เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหูกำลังคุยกับผมอยู่ ผมถามถึงเธอ
เขาบอกว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอถูกรถชน !
ขณะที่เธอกำลังถือดอกไม้สีขาวช่อหนึ่ง ข้ามถนนหน้าหมู่บ้านเธอ
ที่โรงพยาบาล เธอกำลังอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน พยาบาลที่หน้าห้องสั่งห้ามเข้าเด็ดขาด
หลังจากนั้นพ่อกับแม่ของเธอ วิ่งมาถึงยังหน้าห้อง พร้อมกับถามไถ่ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง
ผมตอบไม่ได้ ผมไม่มีคำตอบ และไม่มีแม้แต่เสียงที่จะตอบ
มีแต่น้ำตาแห่งการรอคอย น้ำตาที่เป็นเครื่องขอพรพระเจ้าของผม
ให้เธอปลอดภัย และออกมามอบรอยยิ้มให้ผมอย่างเคย
สองชั่วโมงผ่านไป พ่อกับแม่ของเธอนั่งรออย่างอ่อนล้า
พ่อต้องคอยปลอบแม่ โอบไหล่ และเช็ดน้ำตาแม่เป็นระยะๆ
ผมมองเห็นภาพนั้นแล้ว น้ำตาผมแทบจะอดไม่ไหวที่จะหลั่งรินลงมา
ไม่น่าเลย . . . ผมไม่น่าเรียกเธอออกมาวันนี้
ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ต้องมารับเคราะห์อย่างนี้ . . . ผมผิดเอง
ผมทรุดลงนั่งที่เก้าอี้บ้าง หลังจากที่เดินขวักไขว่มานาน
แล้วผมก็เผลอหลับไป อย่างไม่รู้ตัว

ผมตื่นขึ้นมาไม่เห็นใคร ผมจึงถามกับพยาบาลที่เดินผ่านมาว่า คนไข้ในห้องอยู่ที่ไหน
เธอบอกว่า ต้องไปถามกับหมอที่รับผิดชอบคนไข้คนนี้ เธอพาผมไป
หมอบอกผมว่า อาการเธอยังไม่ดีนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่
เธอเสียเลือดมาก ซี่โครงเธอร้าว กระดูกชิ้นหนึ่งทิ่มปอด มีแผลฟกช้ำและถลอกตามตัวมากมาย
และผ่านมากว่าครึ่งวันแล้ว เธอยังไม่ฟื้นเลย
ผมขอเข้าไปเยี่ยมเธอ หมอจึงพาผมไป
พ่อกับแม่เธอนั่งอยู่ในห้อง แม่ของเธอหลับ และกุมมือเธอไว้ข้างๆ เตียง
ส่วนพ่อของเธอนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เมื่อพ่อของเธอเห็นผมเดินเข้ามา พ่อเข้ามาปลุกแม่ให้ผละออกจากเตียงมานั่งกับพ่อ
ผมจึงเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ เตียงของเธอ เข้าไปกุมมือเธอไว้
และแล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่สามารถห้ามไว้ได้ มันหยดลงมาช้าๆ อย่างกล้ำกลืน
ผมไม่อยากมีวันนี้ . . . วันที่คนที่ผมรัก จะต้องมานอนหลับใหลอย่างไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า



8 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเงียบอย่างนี้เลย เธอคนนั้นของผม จะกลับมาคุยกับผมเมื่อไหร่
จะกลับมามอบรอยยิ้มนั้นให้กับผมได้ไหม ได้โปรด . . . กลับมาฟังคำที่ผมเตรียมไว้ได้ไหม
ในขณะที่ผมกำลังสิ้นหวังอย่างสุดขีด มือเล็กๆ ของเธอในอุ้งมือผม กระตุกขึ้น
เธอเริ่มรู้สึกตัวช้าๆ รอยยิ้มของผมเผยออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ผมยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา
ผมกดออดเรียกพยาบาลเข้ามา พยาบาลเข้ามาดูแล จัดการกับเครื่องต่างๆ
แล้วพยาบาลก็กล่าวยินดีกับผม และพ่อกับแม่ของเธอ จากนั้นพยาบาลก็ถอยไปยืนข้างหลัง
ผมเรียกชื่อเธอ เธอยิ้ม ผมเห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยนั้น ผ่านเครื่องช่วยหายใจที่ปิดอยู่
พ่อกับแม่ของเธอด้านหลังลุกขึ้นมาอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียง
เธอพยายามจะเอื้อมมือไปหาพ่อกับแม่ของเธอ แม่กุมมือเธอและร้องไห้โฮอีกครั้ง
พ่อยืนอยู่ข้างหลัง ด้วยสีหน้าชุ่มชื่น และพยายามข่มน้ำตาอยู่
เธอหันมาหาผมอีกครั้ง เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับผม แต่เธอพูดไม่ได้
ผมขอปากกากับกระดาษจากพยาบาล พยาบาลยื่นมาให้ ผมนำมันให้กับเธอ
เธอใช้มือข้างซ้ายของเธอเขียน มือที่เธอไม่ถนัด เธอพยายามขีดเขียนบนกระดาษ
ผมอ่านได้ความว่า \"ชุดสวยดีนะ\" . . . ผมยิ้มและมองหน้าเธอ
และบอกกับเธอว่าผมเตรียมมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
เธอเขียนบนกระดาษอีกครั้ง ครั้งนี้ ผมอ่านได้ความว่า
\"ใส่น้ำหอม . . . มีอะไรพิเศษหรือเปล่า\"
ผมประหลาดใจ เธอยังจำได้ดีว่า ผมเป็นคนไม่ชอบใส่น้ำหอมเท่าไรนัก
ผมยิ้ม พยักหน้าตอบรับ และใช้มือผมทั้งสองลูบไล้มือของเธอเบาๆ
เธอยังเขียนต่อ ผมอ่าน \"มือเธอนุ่ม . . . แปลก\"
มันแปลกเพราะผมเป็นคนมือหยาบกร้านมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอก็รู้
ผมน้ำตาไหลอีกแล้ว มันยั้งไม่อยู่ ทุกอย่างเกือบจะเป็นไปอย่างที่คิด
แต่มันไม่ใช่ที่นี่ ! ไม่ใช่ตรงนี้ ! ที่ที่เธอต้องบาดเจ็บและทุกข์ระทม
เธอควรจะอยู่ในชุดสีขาว เธอควรจะยืนอยู่ และยิ้มกับผมใต้ต้นไม้ใหญ่
. . . . . ไม่-ใช่-ที่-นี่ . . . . .


ผมก้มลงไปหาเธอ และบอกกับเธอ คำพูดสั้นๆ ที่ผมเตรียมมาทั้งคืน
ผมบอกกับเธอทั้งน้ำตา \"ผมรักคุณ แต่งงานกับผมเถอะ\"
ผมหยิบแหวนแต่งงาน สวมลงที่นิ้วเธอ
เธอยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาเช่นเดียวกับผม สบตาผม อย่างจริงใจ
ผมก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากของเธอ ลูบแก้มของเธอ
เธอพยายามเขียนอีกครั้งหนึ่ง ผมหยิบขึ้นมาอ่าน เธอเขียนยาวกว่าครั้งก่อนๆ
\"คนที่ไม่สวย ไม่ดีพร้อมอย่างฉัน จะเป็นเจ้าสาวของเธอได้หรือ\"
ผมไม่คำตอบเธอด้วยคำพูด แต่ผมยิ้มให้เธอและสบตาเธออีกครั้ง
นี่แหละ . . . คนรักของผม คนที่ผมรักที่สุด เจ้าสาวของผม
ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี คืนนั้นผมต้องกลับบ้านเพื่อไปเคลียร์งานของวันต่อไป
พรุ่งนี้ ผมจะได้อยู่กับเธอได้ทั้งวัน
พอวันรุ่งขึ้นมา ผมไปที่โรงพยาบาล หมอและพยาบาลที่ผมเจอเมื่อวาน วิ่งกันวุ่น ผมสงสัย
ผมมุ่งตรงไปที่ห้อง มือเอื้อมไปที่ลูกบิดประตู ผมได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงแม่ของเธอ
ผมไม่อยากคิด ผมไม่กล้าคิด หรือว่า . . .
ผมเปิดเข้าไป ช้าๆ ผมเห็นภาพ ที่ผมไม่อยากเห็น
แม่ นอนร้องไห้อยู่บนร่างของเธอ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ
เข้าไปมองที่หน้าเธอ หน้าที่เมื่อวานยังยิ้มให้กับผมอยู่ แต่วันนี้ ไม่มีอีกแล้ว
เธอเงียบไปอีกแล้ว แต่มันไม่เหมือนเมื่อวาน หมอพูดแสดงความเสียใจกับผม
ครั้งนี้ เธอจะไม่ฟื้นขึ้นมายิ้ม ไม่ฟื้นขึ้นมาพูด หรือแม้แต่จะเขียนข้อความถึงผม
ผมสังเกตเห็น ที่มือของเธอ ไม่มีแหวนวงนั้น ที่ผมมอบให้
เธอถอดมันทิ้งไว้วางบนโต๊ะข้างๆ เตียง วางอยู่พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง
ผมหยิบขึ้นมาอ่าน เธอเขียนข้อความไว้ยาวเหยียด ถึงผม \"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคำที่พูด ทุกสิ่งให้ ทุกรอยยิ้มที่ส่งมา
ฉันอยากจะบอกมาตั้งนานแล้วว่า ฉันก็รักเธอ รักมากเสียจนไม่อยากเห็นเธอเสียใจ
แต่ฉันไม่เคยกล้าที่จะบอก ฉันคิดมาตลอด ว่าเมื่อไหร่ ที่ฉันจะสวยมากเท่ากับคนอื่นๆ
เหมือนเจ้าสาวคนอื่นๆ ที่ได้แต่งงานกับคนที่เขารัก
เมื่อไหร่ที่ฉันจะสวยพอ คู่ควรพอ กับเธอ . . . ที่ฉันรัก
ฉันอยากเป็นเจ้าสาวของเธอ ฉันอยากใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวที่สวยงามดูสักครั้งในชีวิต
แต่ฉันไม่อาจรับแหวนวงนี้ไว้ได้ เพราะฉันรู้ดี ว่ามันไม่เหมาะสมสำหรับฉัน
แหวนวงนั้นมันมีค่ามากเกินไป สำหรับฉัน
ฉันรับไว้ได้แค่เพียง ความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้
ฉันรับได้เพียง คำพูดที่ฉันเฝ้ารอฟังจากเธอมาแสนนาน
เท่านั้น . . . ที่ฉันต้องการ และฉันจะนำมันติดตัวไปทุกที่
ไม่ว่าฉันจะอยู่บนโลกใบนี้ หรือไม่ก็ตาม
ฉันรักเธอ . . . ที่สุดแห่งความรักของฉัน ตลอดไป\"
ผมอ่านจบ น้ำตาของผมมันหยดลงบนกระดาษแผ่นนั้น ซึ่งมีคราบน้ำตาหยดหนึ่งอยู่แล้ว
น้ำตาของเธอ ไม่น่าเลย . . . เธอคิดผิด นี่แหละ คือแหวนของเธอ คือความรัก คือสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับ
ผมตัดสินใจ และบอกกับพ่อกับแม่ของเธอให้เตรียมการอย่างหนึ่ง
งานศพของเธอ ก่อนที่เขาจะนำเธอเข้าไปในโลงสี่เหลี่ยมนั้น
ผมขอว่า ให้เปลี่ยนชุดให้กับเธอ ผมสั่งซื้อชุดเจ้าสาวชุดหนึ่งให้กับเธอ
แม่และน้องสาวของเธอ เปลี่ยนชุดให้กับเธอ พร้อมทั้งแต่งหน้าบางๆ ให้
บัดนี้ เธอนอนหลับใหลอยู่บนแผ่นไม้ ที่ห้อมล้อมด้วยดอกไม้ประดับ
เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวตามที่เธอหวัง สวมแหวนวงนั้น และนิทราอยู่อย่างเงียบสงบ
ใครว่าเธอไม่สวย . . . ใครว่าเธอไม่สวยเท่ากับเจ้าสาวคนอื่นๆ
ไม่ ! วันนี้ . . . เธอสวยที่สุด ไม่มีใครสวยเท่าเธอในสายตาผม
\"ผมรักเธอ . . . ที่สุดแห่งความรักของผม ตลอดไป\"
เมื่อก่อน . . . ผมบอกกับเธอว่า ผมรักเธอ
เพราะผมคิดว่า เธอไม่ได้สวยไปกว่าใคร ผมพอใจเธอ
ปัจจุบัน . . . บัดนี้ หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป
ผมบอกกับเธอว่า ผมรักเธอ เพราะผมคิดว่า ไม่มีใครสวยไปกว่าเธอ . . . . . . . อีกแล้ว



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#8
23-10-2010 - 11:53:53

#8 ponza1144  [ 23-10-2010 - 11:53:53 ]





เงียบ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
oom_lovely
#9
23-10-2010 - 11:58:06

#9 oom_lovely  [ 23-10-2010 - 11:58:06 ]







ตาลายเลย ซึ้งดีค่ะ

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ


ponza1144
#10
23-10-2010 - 13:13:41

#10 ponza1144  [ 23-10-2010 - 13:13:41 ]





เงียบไม่มีใครเข้ามาเรยๆๆๆ+=



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
ponza1144
#11
24-10-2010 - 11:01:31

#11 ponza1144  [ 24-10-2010 - 11:01:31 ]





ขอร้องระมาเม้นให้หน่อยน่ะคับขอร้อง



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
manya456
#12
25-10-2010 - 00:23:11

#12 manya456  [ 25-10-2010 - 00:23:11 ]





ปวดหัว ตาลาย เดี๊ยวมาอ่านต่อน่ะ


Fahfah me zii
#13
25-10-2010 - 00:30:59

#13 Fahfah me zii  [ 25-10-2010 - 00:30:59 ]




#. เรื่องแรก ซึ้งมาก


ponza1144
#14
25-10-2010 - 10:54:08

#14 ponza1144  [ 25-10-2010 - 10:54:08 ]





^^^^^^^
ร้องให้ปะๆๆๆๆ(ผมอ่านแล้วร้องให้เรยน่ะ)



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
อาย
#15
25-10-2010 - 10:56:32

#15 อาย  [ 25-10-2010 - 10:56:32 ]





ตาลายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยค่ะ



Moonlight..
ponza1144
#16
25-10-2010 - 10:59:58

#16 ponza1144  [ 25-10-2010 - 10:59:58 ]





^^^^^^^^^^
อ่านยางคับน้องอาย(อ่านหน่อยน่ะ)



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
tabaa007
#17
25-10-2010 - 11:07:01

#17 tabaa007  [ 25-10-2010 - 11:07:01 ]







ตาลาย ยย ย ยยย


เกมส์sims
#18
25-10-2010 - 11:10:46

#18 เกมส์sims  [ 25-10-2010 - 11:10:46 ]








ตาลายแต่อ่านเรื่องของ ''ฟ้าแล้ว ขึ้นเลย ''



Hi hi ลมอะไรพัดมา
ponza1144
#19
27-10-2010 - 11:14:06

#19 ponza1144  [ 27-10-2010 - 11:14:06 ]





เงียบ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
่janhiimelan
#20
29-10-2010 - 16:22:10

#20 ่janhiimelan  [ 29-10-2010 - 16:22:10 ]




โอ้ย เศร้าาาา



ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 14th May 2024 11:41

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ