โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
(นอกเรื่อง)คุนคิดว่า2012จะเกิดขึ้นจริงไหม
sunysar
#21
10-12-2009 - 19:42:29

#21 sunysar  [ 10-12-2009 - 19:42:29 ]




อาจจะเกิด
แต่ 2012 มันเร็วไปเนอะ

ดูแล้ว แผ่นดินทรุดมันรวดเร็วจริงๆ ถึงแม้จะมีคนรู้ว่าเกิดก็ตาม

แต่ว่าถ้าแผ่นดินมันยุบขนาดนั้น แกนโลกต้องแตกแล้วแน่ๆละ ของเหลว ลาวาในชั้นแมนเทิลโดนหลอมละลายด้วยอุณภูมิที่สูงมากมาก

เมื่อมันแหลกตั้งแต่ข้างใน เปลือกโลกจะไหวเราะ แผ่นดินโดนเจ้ามฤตยูพลิกอย่างบ้าคลั่ง


เฮอะ!!!

ถ้าวันนั้นมีจริง เราจะได้เห็นกันว่าพระเจ้าของคริสต์จะมาเยือนบนบัลลังก์ในวันพิพากษาหรือเปล่า
พระวิษณุของฮินดูจะอวตารชาติสุดท้าย เป็นคนขี่ม้าขาวมาช่วยโลกมั๊ย



ไม่อยากให้มองว่าเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนั้นเป็นเรื่องเหลวไหลเลย

ถึงแม้จะยังไม่เกิดขึ้น อย่างน้อย หนังก็ให้ข้อคิดว่า

เราควรจะดูแลโลกให้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาเราย่ำยีกันไปมาก
เห็นชัดๆอยู่แล้ว อย่างการเปลี่ยนแปลงตั้งมากมายเพราะโลกร้อนขึ้น เกิดอะไรมั่ง ทำไมเป้นยังงั้น

2012 พวกเราตายก็เพราะพวกเราด้วยกันเองล่ะนะ




ตอนนี้เล่นแต่ The Sims4 Digital Deluxe ของแท้นะคะ
psykeflame
#22
10-12-2009 - 21:34:56

#22 psykeflame  [ 10-12-2009 - 21:34:56 ]




ผมว่าน่าจะจริงน้า


แบบว่ามี3ทฤาฏีที่บอกไว้อ่ะ

อันแรกคือ ดวงอาทิตจะประทุเป็นครั้งใหญ่เลย พลังการทำลายก้อปาไปหลายดวงเลย

อันที่2คือ นักธรณีวิทยา บอกว่า ขั้วแม่เหล็กของโลกที่มีขั้วเหนือขั้วใต้มันจะสลับกัน

อันที่3คือ ก้อปฏิทินชาวมายาอ่ะนะ

ส่วนที่ผมคิดเองก้อคือ มันคงจะเป็นอย่างไดโนเสาอะมั้งคับ


blue_whale
#23
10-12-2009 - 22:07:03

#23 blue_whale  [ 10-12-2009 - 22:07:03 ]




quote : prerapak
อืม ลืมบอก

ผู้ทำนายคือ นอสตราดามุส(บิดาแห่งโหราศาสตร์โลก)

เขาทำนายว่า บริเวณทวีปอเมริกา จะเกิดวินาศกรรม สิ่งก่อสร้างถล่มซึ่งมาจากก่อการร้าย

ตรงกับวันที่ตึกเวิรด์เทรด เซนเตอร์ นิวยอรก์ อเมริกา ถล่ม2ตึก

(ไม่รุเชื่อได้เป่า)


ลองคิดดูนะคะว่าเชื่อได้หรือเปล่า

ที่เขาได้ทำนายไว้ว่าโลกจะแตกปี 2000 ตอนนี้ผ่านมา 9 ปีแล้วยังไม่แตกเลย

นอสตราดามุสมองเห็นภาพอนาคตจากโรงหนังหรือเปล่า

เอามาฝากให้อ่านจะได้ไม่เป็นโรควิตกจริตค่ะ ช่วยอ่านกันด้วยนะคะ เห็นไม่ค่อยชอบหาข้อมูลกัน

คําอธิบาย 2012 จากนาซ่า ย่อมานะคะ ถ้าอยากอ่านเต็มๆ กดลิ้งค์เข้าไปได้ค่ะ

ตรงตัวหนาคือคีย์เวิดสำคัญที่จะทำให้น้องๆ หายจากอาการวิตกจริตค่ะ

ช่วยอ่านกันด้วยนะคะพี่จะได้ไม่เหนื่อยฟรี

ที่มา http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8613639/X8613639.html

เดวิด มอร์ริสัน (David Morrison) นักวิทยาศาสตร์นาซ่า (NASA) เปิดเผยถึงข่าวที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ตที่ว่า โลกจะถึงคราวสิ้นสุดลงในปี 2012 ด้วยเหตุผลทางดาราศาสตร์เป็นแค่"ข่าวลือ"เท่านั้น

โดยด็อกเตอร์มอร์ริสันระบุว่า อาการ"วิตกจักรวาล" (cosmophobia) ถูกยัดเยียดโดยเว็บไซต์วิทยาศาสตร์"ปลอม" และผู้ที่พยายามจะหาเงินจากความไม่รู้ของสาธารณชน...

ความเชื่อที่ แพร่กระจายอยู่บนเน็ตที่ว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 จะเป็นวันโลกาวินาศ (doomsday) เนื่องจากเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวาลจะทำลายโลก กลายเป็นเรื่องหลอกลวง โดยคำยืนยันดังกล่าวมาจากด็อกเตอร์เดวิด มอร์ริสัน นักวิทยาศาสตร์นาซ่า ซึ่งข้อสรุปของคำอ้างต่างๆ และการโต้ตอบของนักวิทยาศาสตร์ที่มีต่อเรื่องดังกล่าว กำลังได้รับการเผยแพร่โดยสมาคมดาราศาสตร์แห่งภาคพื้นแปซิฟิก

ด็อกเตอร์ มอร์ริสัน ผู้เชี่ยวชาญระบบสุริยจักรวาล (solar system) ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก (และการชนของดาวเคราะห์) และเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารของนาซ่า บริการ "Ask an Astobiologist" โดยเขาจะตอบคำถามต่างๆ ให้กับสาธารณชน ซึ่งเขาได้รับคำถามมากมายเกี่ยวกับปี 2012 โลกาวินาศจนรู้สึกว่า เขาต้องสืบหาต้นตอ และความจริงในเรื่องนี้ ประเด็นที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดในการค้นหาก็คือ ผู้แพร่กระจายหลายรายเริ่มต้นจากภาพยนต์ "2012" ที่มีกำหนดฉายในเดือนพฤศจิกายน โดยการสร้างเว็บไซต์วิทยาศาสตร์"ปลอม" และกระตุ้นให้ผู้คนค้นหาคีย์เวิร์ด "2012" บนเว็บ ซึ่งเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะที่ค้นพบได้จะเต็มไปด้วยข้อมูลไร้สาระ และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะผู้ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับความหายนะที่พยายามจะขายหนังสือของพวก เขา

บท ความของมอร์ริสันจะอยู่ในรูปของคำถามและคำตอบ ตามด้วยแนะนำแหล่งข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ผู้อ่านสามารถค้นหาเกียวกับเหตุผลที่ ว่า ทำไมถึงไม่มีการพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดความหายนะในปี 2012 มันมีเหตุผลมากมายที่น่ากังวลเกียวกับอนาคตของโลก แต่ที่แน่ๆ ไม่มีเหตุผล หรือกำหนดช่วงเวลาที่โลกจะแตกในปีนั้น ตัวอย่างแหล่งข้อมูลที่แนะนำ เพื่อแสดงให้เห็นว่า สิ่งแปลกๆ หรือเหตุการณ์ประหลาดต่างๆ เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.astrosociety.org/education/resources/pseudobib.html

ที่มา www.arip.co.th/news.php?id=410173

อีกหนึ่งค่ะ

โลกแตก เรื่องไม่จริง
ที่มา http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M8597241/M8597241.html

ท่านผู้เฒ่า อะโพลินารีโอ ชิเล พิกตุน ชาวกัวเตมาลา บอกว่า ทฤษฎีโลกแตกที่ว่านี้ พวกชาวตะวันตกพูดกันไปเอง ไม่ใช่ความคิดของชาวมายาแต่อย่างใด

อารยธรรมของชาวมายา ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลาง ได้เจริญถึงขีดสุดในช่วง ค.ศ.300-900 ชนเผ่านี้มีความสามารถในด้านดาราศาสตร์

ปฏิทินนับเวลาของชนเผ่านี้เริ่มในปี 3114 ก่อนคริสต์ศักราช แต่ละช่วงกินเวลา 394 ปี ซึ่งเรียกว่า บักตุน ชาวมายาถือเลข 13 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ บักตุนที่ 13 จะสิ้นสุดลงในราววันที่ 21 ธันวาคม ปี พ.ศ.2555

ศิลาจารึกแผ่นหนึ่งของชาวมายาซึ่งพบในเม็กซิโกเมื่อทศวรรษ 1960 ระบุว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเทพโบลอนยกเต เทพแห่งสงครามและการสร้างสรรค์ ในปี 2555 แต่คำพยากรณ์ในท่อนสุดท้ายลบเลือนจนไม่สามารถอ่านได้

"มันเป็นโอกาสของการเฉลิมฉลองการรังสรรค์" เดวิด สจ๊วต ผู้เชี่ยวชาญด้านจารึกของมายาแห่งมหาวิทยาลัยเทกซัส เมืองออสติน บอก "ชาวมายาไม่เคยพูดว่าโลกจะถึงกาลอวสาน ไม่เคยบอกว่าจะเกิดเรื่องเลวร้าย เพียงแต่ระบุกำหนดวันที่จะเฉลิมฉลองในอนาคต".

ที่มา : http://www.thaipost.net/x-cite/161009/12275

10 คำทำนาย “วันสิ้นโลก” (ที่ไม่เห็นจะเกิดขึ้นจริง)

- ปี 1806 สัญญาณสิ้นโลกจากแม่ไก่

ในประวัติศาสตร์มีผู้คนจำนวนมากที่อ้างว่า พระเยซูคริสต์กำลังจะกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง และเหตุการณ์ที่ถือเป็นการส่งสัญญาณของการกลับคืนคือ ที่เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษมีแม่ไก่ออกไข่ที่เรียงเป็นประโยคว่า “พระคริสต์กำลังจะปรากฏ” และเมื่อข่าวเกี่ยวกับความน่าอัศจรรย์นี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มเชื่อว่า วาระสุดท้ายของโลกกำลังใกล้เข้ามา จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งเกิดกังขาได้สังเกตดูการวางไข่ จนพบว่ามีบางคนที่พยายามสร้างเรื่องหลอกลวงนี้ขึ้น

- 23 เม.ย.1843 กำหนดวันพระเจ้าทำลายโลก

ชาวนาผู้หนึ่งที่นิวอิงแลนด์นามว่า วิลเลียม มิลเลอร์ (William Miller) ได้ใช้เวลาศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง และได้สรุปว่าพระเจ้าทรงเลือกวันที่จะทำลายล้างโลกว่า อยู่ระหว่างวันที่ 21 มี.ค.1843 - 31 มี.ค.1844

เขาสั่งสอนผู้คนมากมายพร้อมๆ กับการตีพิมพ์สิ่งที่เขาสอนเพื่อเผยแพร่ จนมีสาวกที่รู้จักกันในนาม “มิลเลอไรต์ส” (Millerites) อยู่หลายพันคน และเหล่าสาวกนี้ก็ตัดสินให้วันที่ 23 เม.ย.1843 เป็นวันสิ้นโลก หลายคนขายและมอบสิ่งของที่พวกเขาครอบครองด้วยคิดว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่เมื่อวันที่กำหนดมาถึงแล้วพระเยซูก็ไม่ได้กลับมา คนเหล่านี้ก็สลายกลุ่มกันไป แต่บางคนก็ออกไปตั้งกลุ่มใหม่ “เซเวนท์ เดย์ แอดเวนทิสต์” (Seventh Day Adventists) ที่ยังคงรอคอยการกลับมาของพระเยซูอีกครั้ง

- ปี 1891 วันสิ้นโลกของชาวมอร์มอน

โจเซฟ สมิธ (Joseph Smith) ผู้ก่อตั้งนิกายมอร์มอน (Mormon church) ได้เรียกประชุมผู้นำนิกายของเขาในปี 1835 เพื่อบอกว่า เขาเพิ่งสนทนากับพระผู้เป็นเจ้า และระหว่างการสนทนานั้นเขาได้รับรู้ว่า พระคริสต์จะกลับมาในอีก 56 ปีนับจากนั้น ซึ่งเป็นการเริ่มต้นจาก “วันสุดท้าย”

- ปี 1910 ดาวหางฮัลเลย์พาหายนะสู่โลก

ในปี 1881 นักดาราศาสตร์คนหนึ่งวิเคราะห์สเปกตรัมแล้วพบว่า หางของดาวหางนั้นมีก๊าซพิษนำความตายที่เรียกว่า “ไซยาโนเจน” (cyanogen) สิ่งที่เขาค้นพบนั้นไม่ได้รับความสนใจนัก จนกระทั่งบางคนตระหนักขึ้นได้ว่า โลกกำลังจะผ่านหางของดาวหางฮัลเลย์ในปี 1910 จึงเกิดคำถามว่าทุกๆ คนบนโลกจะถูกอาบด้วยก๊าซพิษดังกล่าวหรือไม่? จากนั้นมีการใคร่ครวญถึงเรื่องดังกล่าวซ้ำๆ บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์กไทม์” และหนังสือพิมพ์อื่นๆ ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่ว สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำได้ออกมาอธิบายว่า “ไม่มีอะไรต้องกลัว”

- ปี 1982 วันพิพากษา

ในเดือน พ.ค.ของปี 1980 แพต โรเบิร์ตสัน (Pat Robertson) ผู้สอนศาสนาคริสต์ที่ให้บริการทางสถานีโทรทัศน์และเป็นผู้ก่อตั้งพันธมิตร คริสเตียน (Christian Coalition) ได้ทำให้ผู้คนตื่นตกใจเมื่อเขาให้ข้อมูลแก่ผู้ชมรายการทีวี “700 คลับ” (700 Club) ทั่วโลกว่า เขารู้ว่าเมื่อใดที่โลกจะสิ้นสุด โดยประกาศก้องว่า “ผมรับรองได้ว่าพวกคุณจะจากไปก่อนสิ้นปี 1982 ซึ่งจะมีการพิพากษาโลก” แต่คำประกาศดังกล่าวก็ขัดแย้งกับคำสอนในพระคัมภีร์ที่ระบุว่าไม่มีใครรู้ถึง วันเวลาที่โลกจะสิ้นสุด แม้แต่เหล่าเทวดาบนสวรรค์

- ปี 1997 ประตูสวรรค์เปิด

เมื่อดาวหางเฮล์-บอปป์ (Hale-Bopp) ปรากฏในปี 1997 ก็มีข่าวลือว่ายานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวจะติดตามดาวหางมาด้วย แต่ข้อมูลดังกล่าวถูกปิดบังไว้ แน่นอนว่าองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และเหล่านักดาราศาสตร์ตกเป็นจำเลยของข้อกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลนี้

แม้ข่าวลือดังกล่าวจะถูกปฏิเสธจากนักดาราศาสตร์และใครก็ตามที่มี กล้องโทรทรรศน์ที่มีความละเอียดพอ แต่ข่าวลือนั้นก็ยังถูกเผยแพร่ผ่านสื่อวิทยุอยู่ดี และยังทำให้เกิดลัทธิ “ซานดิเอโกยูเอฟโอ” (San Diego UFO) ซึ่งระบุว่าประตูสวรรค์จะเปิดออก และกำหนดวันสิ้นโลกที่จะกำลังใกล้เข้ามา และสมาชิกของลัทธิ 39 คนก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันที่ 26 มี.ค.1997

- เดือน 7 ปี 1999 คำทำนายแห่งนอสตราดามุส

ข้อความที่เขียนขึ้นด้วยภาษายากๆ และใช้การเปรียบเทียบของ มิเชล เดอ นอสตราดาม (Michel de Nostrdame) หรือนอสตราดามุส ก่อให้เกิดความสนใจจากผู้คนเป็นเวลากว่า 400 ปี โดยงานเขียนของเขาที่ตีความได้หลากหลายนั้น ถูกนำไปแปลแล้วแปลอีกในรูปแบบที่แตกต่างกันหลายสิบรูปแบบ และหนึ่งในการตีความที่โด่งดังที่สุดคือ “ปี 1999 เดือนที่ 7 เจ้าแห่งความสยองขวัญจะมาจากฟ้า” และผู้ที่ศรัทธาในนอสตราดามุสได้ขยายความตื่นตระหนกนี้ออกไปว่าเป็นวันสิ้น สุดของโลก

- “วายทูเค” โลกป่วน-คอมพ์รวนรับสหัสวรรษใหม่

ในช่วงที่ปลายศตวรรษก่อนใกล้จะสิ้นสุดลง ผู้คนจำนวนมากเริ่มวิตกกังวลว่า คอมพิวเตอร์อาจนำหายนะมาสู่โลก เป็นหายนะที่ทุกคนเรียกกันว่า “วายทูเค” (Y2K) ซึ่ง Y เป็นคำย่อมาจาก “Year” และ 2K เป็นสัญลักษณ์ของปี 2000 ที่ K หมายถึง “กิโล” (Kilo) ในภาษากรีกที่มีค่าเท่ากับ 1,000

ปัญหาของวายทูเค ถูกตั้งข้อสังเกตครั้งแรกเมื่อต้นทศวรรษ 1970 ว่า คอมพิวเตอร์จำนวนมากอาจไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างปี 2000 และ 1900 ได้ ไม่มีใครแน่ใจเลยว่านั่นจะเกิดอะไรขึ้น แต่หลายคนก็ชี้ให้เห็นหายนะใหญ่หลวงที่อาจจะเป็นได้ทั้งไฟดับครั้งใหญ่ ไปจนถึงหายนะทำลายโลกจากนิวเคลียร์ แต่สหัสวรรษใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความขลุกขลักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

- 5 พ.ค.2000 น้ำแข็งแอนตาร์กติกถล่มโลก

แม้กรณี “วายทูเค” ไม่ได้แผลงฤทธิ์มากนัก แต่หนังสือ “น้ำแข็ง 5/5/2000 : ภัยพิบัติขั้นสูงสุด” (5/5/2000 Ice: the Ultimate Disaster) ที่เขียนขึ้นโดย ริชาร์ด นูน (Richard Noone) เมื่อปี 1997 ก็สร้างความตื่นตระหนกได้อีกครั้ง ซึ่งเขาระบุว่าน้ำแข็งจากทวีปแอนตาร์กติกปริมาณมหาศาลที่มีความหนาถึง 5 กิโลเมตรนั้นจะทำให้โลกถึงหายนะไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามก่อนวันที่ 5 พ.ค.2000

- ปี 2008 ผู้หยั่งรู้ทำนายโลกสิ้นสุดก่อนฤดูใบไม้ร่วง

จากหนังสือ “2008: พยานรู้เห็นคนสุดท้ายของพระเจ้า” (2008: God's Final Witness) ของ โรนัลด์ ไวน์แลนด์ (Ronald Weinland) ผู้นำนิกายคริสตจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้า (God's Church) ที่เขียนเมื่อปี 2006 ว่า วันสุดท้ายของโลกมาถึงเราอีกครั้ง โดยหนังสือดังกล่าวประกาศว่า ผู้คนหลายร้อยล้านคนจะต้องเสียชีวิตก่อนสิ้นปี 2006 ทั้งนี้ผู้คนมีเวลามากสุดเพียง 2 ปีที่เหลืออยู่ ก่อนที่โลกจะเปลี่ยนไปสู่ช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษย์

“ก่อนฤดูใบไม้ร่วงในปี 2008 สหรัฐฯ จะพังทลายด้วยอำนาจทำลายล้างของโลก และจะไม่มีชนชาติใดเหลือรอด” ข้อความในหนังสือระบุ โดยที่โรนัลด์ ไวน์แลนด์ ยกตัวเองให้เป็นผู้หยั่งรู้ของพระเจ้า

คำทำนายทั้งหลายเหล่านี้ ซึ่ง livescience.com ได้ รวบรวมและนำเสนอไว้ ก็หาได้เป็นจริงขึ้นมา ซึ่งยังคงเหลือคำทำนายเบื้องหน้าอันใกล้คือในปี 2012 ที่ดูเหมือนว่าจะรุนแรงร้ายกาจกว่าครั้งใดๆ และถ้าหากปี 2012 ผ่านไป โดยไม่เกิดอะไรร้ายแรง คงจะมีคำทำนายใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตามความเชื่อใน “วันสิ้นโลก”

ทว่า วัฏจักรของดวงอาทิตย์และโลกที่แท้จริงอาจจะยังอีกยาวนานกว่านี้หรือสั้นกว่า ที่คิดนัก ทั้งหมดเกินกว่าที่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันจะสามารถคาดคะเนได้อย่าง แม่นยำ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-12-10 22:19:01

kazumason
#24
11-12-2009 - 01:38:42

#24 kazumason  [ 11-12-2009 - 01:38:42 ]




ผมคิดว่าถ้าแผ่นดินจะแยกเหมือนในหนังก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมไม่มีลาวาพุ่งขึ้นมา
ก็ในเมื่อแผ่นดินมันแยกและลึกถึงขนาดนนั้น
ไม่ต้องไปสนหรอกคับว่า2012จะเกิดขึ้นจริงรึป่าว เรื่องที่เราจะสนควรจะเป็นปัญหาโลกร้อนซะมากกว่าเพราะสิ่งที่ตามมา
นอกจากจะทำให้น้ำในทะเลเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้วิถีชีวิตเราเปลี่ยนไปเหมือนกัน
หนังก็คือหนัง เขาทำออกมาเพื่อความบันเทิงและแง่คิดเท่านั้นเองไม่มีไรมากและน้อยไปกว่านี้แล้วละคับ


Profile
#25
11-12-2009 - 02:05:51

#25 Profile  [ 11-12-2009 - 02:05:51 ]




สำหรับเรานะ เราก็กลัว แต่เราก็ปลอบใจตัวเองเสมอว่า อย่าไปคิดในสิ่งที่ยังไม่เกิด เหมือนเวลาขับรถ ถ้าคิดแต่จะแซงคันอื่นเราก็เครียด ให้รถเราไปจ่อท้ายก่อนดีกว่า แล้วค่อยคิดว่าจะแซงยังไง เราก็เลยหายเคียดได้


prussanai
#26
11-12-2009 - 03:59:39

#26 prussanai  [ 11-12-2009 - 03:59:39 ]





ไม่จริงหรอกที่มีฟอเวิร์ดเมลล์หรือข่าวลือว่าโลกจะสลายในวันที่21 เดื่อน 12 ปี 2012 นั้นมันเป็นการโปรโมทหนัง เรื่อง 2012.
ทำให้ประชาชนวิตกและมีบางคนที่เชื่อ ทำให้หนังนั้นได้ผลบวกทางการโปรโมท


prerapak
#27
11-12-2009 - 05:50:48

#27 prerapak  [ 11-12-2009 - 05:50:48 ]




เหอะๆ



พึ่งเล่น แต่สมัครนานมาก
Jinn
#28
11-12-2009 - 08:12:39

#28 Jinn  [ 11-12-2009 - 08:12:39 ]




จริงๆไม่น่ามีกระทู้

ถ้ามันจะแตกก็แตกของมันเองแหละ เหมือนมะม่วง สุกก็หล่น คิดอะไรมากมาย ฮ่าๆ


Namigator
#29
13-12-2009 - 18:34:38

#29 Namigator  [ 13-12-2009 - 18:34:38 ]




คือเราว่านะ...
เราอยากให้มันเกิดแหละ!!
เพราะเราคิดว่าในโลกนี้มันมีอะไรน่าหนุกบ้าง
นอกจาก
เรียน ทำงาน มีครอบครัว แก่
แล้วถ้าเราเอาชีวิตเปนเดิมพันในการหนีล่ะ
มันจะน่าหนุกขนาดไหน
เอ่ออออ
อันนี้ความคิดเห็นเรานะ มิได้ว่าคัยจ้ะ


zaparine
#30
13-12-2009 - 18:40:10

#30 zaparine  [ 13-12-2009 - 18:40:10 ]




อาจจะไม่ขนาดนั้นหรอกครับ
อย่างมากสุดก็ประมาณ The Day After Tommorow มั้งครับ
คือคนสร้างหนัง 2012 ก็คงรู้อยู่แล้วแหละ
ว่าไม่ถึงขั้นโลกระเบิด
แต่เค้าไปดูเรื่องเดอะเดย์มาก่อนแล้วรู้สึกว่า
ยังตื่นเต้นไม่พอหละมั้ง ฮ่าๆ
เลยขอให้แบบสะใจไปเลย ประมาณนั้น


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-12-13 18:41:46

A m a n d a
#31
13-12-2009 - 18:41:27

#31 A m a n d a  [ 13-12-2009 - 18:41:27 ]




คือ america ทำหนังด่าฝรั่งเศส กะ อังกฤษต่างหาก
เพราะถ้าไปคิดดีๆนะสวัสดิการของฝรั่งเศส กะ อังกฤษดีกว่าอเมริกาและคนฝรั่งเศส กะ อังกฤษแทบไม่ต้องดิ้นรนอ่ะไรเรยแต่คนเมกาต้องดิ้นรนซึ่งสิ่งต่างๆถ้าดูในหนังเรื่อง2012จามีเเต่คนอเมริกาส่วนใหญ่ที่รอดแต่คนประเทศอื่นตายหมดเพราะคนอเมริกาดิ้นรนเองได้


akegvd
#32
13-12-2009 - 20:38:46

#32 akegvd  [ 13-12-2009 - 20:38:46 ]




เค้าทำให้คนเราช่วยกันลดโลกร้อน(มั้ง)

แต่ในหนังมันเกิดจากการปะทุของดวงอาทิตย์เท่าที่จำได้


mommam
#33
14-12-2009 - 12:13:58

#33 mommam  [ 14-12-2009 - 12:13:58 ]




เกิดแน่นอน ทุกวันนี้มันก้อทยอยเกิดขึ้นทีละอย่างแล้ว

เพียงแต่เราไม่รับรู้เรื่องของคนอื่นเท่านั้นเอง

หนังมันอาจจะเว่อไป แต่ในโลกนี้อะไรๆมันก้อเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น


milly one
#34
10-05-2010 - 21:52:23

#34 milly one  [ 10-05-2010 - 21:52:23 ]




ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ก็คงนั่งสวดมนต์ไปทั้งวันเลยล่ะมั้ง


-SpirIte-
#35
11-05-2010 - 07:57:26

#35 -SpirIte-  [ 11-05-2010 - 07:57:26 ]




ถ้าเกิดขึ้นจริง แล้วผมไม่ตายล่ะ



Dark_L
#36
11-05-2010 - 08:42:31

#36 Dark_L  [ 11-05-2010 - 08:42:31 ]




หนัง2012 มันเว่อร์
ฝรั่งมันเอาแต่ยุโรปอย่าเดียว เฮอะ!
คนเอเชียเก่งกว่าตั้งเยอะ
พวกสหรัฐฯ มันคิดค้นจรวดหลังโซเวียต เลียนแบบ!!
โซเวียตแค่ทำนิดเดียว สหรัฐฯมันสนใจกว่า เลยคิดค้นไม่หยุด บลาๆๆๆ(นอกเรี่องแล้ว เพ่- -)

2012 อาจเกิดขึ้นจริงนะ
ขนาดแม่เหล็กขั้วโลกเหนือเคลื่อนจากแคนาดาไปยังรัสเซียเลย
แล้วแม่เหล็กขั้นโลกตายไปอยู่บริเวณฐานทัพบอสทอร์ค
เคลื่อนไปแค่ 10% 2012คงหมุนเลยมั้ง
แล้วนักดาราศาสตร์บอกว่าดาวเคราะห์น้อยอะโบฟิสจะชนโลก
เมื่อชนแล้วจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางปร่ะมาณ 10 กิโลเมตรขึ้น!!!
ในปี พ.ศ. 2572 หรือ ค.ศ. 2079
น้ำหนักของดาวเคราห์น้อยอะโบฟิส หนักถึง 45 ล้านตัน(ไม่ใช่ 45 ตันนนะคร้าฟ)
ถ้าไม่ชนในปีพ.ศ. 2572 ก็จะ ชนในปี พ.ศ. 2579
หรือ พ.ศ. 2575(สำหรับถ้าไม่เกิด 2012)
น่าจะชนในวันที่ 13 เมษายน(ปีบอกไปแว้ว)
แต่ดาวเคราะห์น้อยอะโบฟิสนั้น จะคู่ให้กับโลกถึงปี 2611 ถ้าไม่ชนซะก่อน

ข้อมูลหาได้ที่เด็กดีดอทคอมนะคร้าฟ

แถม
ดาวลูกไก่ ไม่ใช่มีแค่ 6-7ดวงนะคร้าบ
1 ดวง ถ้าดูด้วยกล้องระดับสู๊ง~~~ จะเป็นเป็น 6,000 กว่าดวง



จบ.


prawwanit
#37
11-05-2010 - 08:50:51

#37 prawwanit  [ 11-05-2010 - 08:50:51 ]




จะเกิดไม่เกิดก็ต้องทำใจละค่ะ ยังไงมันก็ตายอยู่ดี โฮ่ะๆ
แต่จะตายเร็วตายช้านี้ไม่รู้นะค่ะ 555


nut1144
#38
11-05-2010 - 08:53:38

#38 nut1144  [ 11-05-2010 - 08:53:38 ]




เราว่ามันเกิดขึ้นแต่อาจไม่ 2012 เลยเค้าบอกว่านาซ่าปิดเรื่องนี้ไว้

แต่ถ้าเค้าตายกันหมดโลกเราก้อไม่ขอรอดล่ะกันอยู่ทำไมคนเดียวเนอะ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2010-05-11 08:56:52

pearparamotor
#39
11-05-2010 - 08:56:34

#39 pearparamotor  [ 11-05-2010 - 08:56:34 ]




ภาพนั้นมันอุกาบากคะ


manya456
#40
11-05-2010 - 20:29:28

#40 manya456  [ 11-05-2010 - 20:29:28 ]





80 % ที่มันจะเกิด



ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ