โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
ขยายความกะโหลกแก้ว
jerrysoft
#1
02-01-2010 - 10:23:14

#1 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 10:23:14 ]




ว่ากันว่า............มีกะโหลกแก้วลึกลับอันทรงพลังจากอารยธรรมแห่งอดีตอยู่ 13 หัว
หากใครได้ครอบครองมันทั้งหมด อาจจะสามารถเป็นเจ้าโลกได้ด้วยอำนาจอันมหัศจรรย์!!!

ตำนานว่าด้วยปริศนาแห่งกะโหลกแก้วเป็นเรื่องที่เล่าลือกันมานานแล้ว
และเมื่อพิพิธภัณฑ์มนุษยชาติ แห่งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษได้มาหัวหนึ่งใน พ.ศ.2441
หรือเมื่อ 110 ปีก่อน ก็ยิ่งทำให้คำเล่าลือโด่งดังขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อใครได้จ้องมองเข้าไปในดวงตาของกะโหลกแก้ว ก็มักอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงพลังอำนาจบางอย่าง
พลังที่พนักงานของพิพิธภัณฑ์ไม่ยอมเข้าไปในห้องที่จัดแสดงกะโหลกนี้ในยามค่ำคืน
หากไม่เอาผ้าดำปิดดวงตากลวงคู่นั้น ไว้เสียก่อน

ไม่มีใครรู้แน่ว่ากะโหลกแก้วปริศนาขนาดเท่าๆกับกะโหลกคนจริงๆนี้มาจากไหน
พิพิธภัณฑ์ซื้อมันมาจากร้านขายเครื่องเพชรทิฟฟานี่แห่งนิวยอร์ก ซึ่งไม่ได้ระบุถึงที่มาอันชัดเจน
แต่เป็นที่เข้าใจว่า กะโหลกแก้วนี้น่าจะเป็นโบราณวัตถุจากอารยธรรมแอซเท็ค
ซึ่งนายทหารบางคนได้มันมาเมื่อครั้งไปร่วมรบที่เม็กซิโก ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19

ในขณะที่ปริศนาของกะโหลกแก้วแห่งพิพิธภัณฑ์นี้ยังไม่สามารถคลี่คลายได้
ก็มีการค้นพบกะโหลกแก้วอีกหัวหนึ่งใน พ.ศ.2467
เมื่อแอนนามิทเชลล์-เฮดจ์ส บุตรีบุญธรรมของเฟ็ดเดอริค อัล-เบิร์ท มิทเชลล์-เฮดจ์ส
นักผจญภัยและนักสำรวจชื่อดังได้พบมันเข้าโดยบังเอิญ

ตอนนั้นเฟ็ดเดอริคและทีมงานกำลังสำรวจเมืองโบราณลูบานทูมในบริติชฮอนดูรัส
แล้วจู่ๆแอนนาก็พบกะโหลกแก้วเข้าในวันเกิดครบรอบปีที่ 17 ของเธอ
ทำให้คนขี้สงสัยบางราย อดค่อนแคะไม่ได้ว่า ที่จริงคุณพ่อผู้แสนดีอาจจะพบมาก่อนแล้ว
แต่อยากให้ของขวัญวันเกิดสุดเซอร์ไพรส์แก่ลูกสาว
ก็เลยแอบเอาไปวางไว้ ให้แอนนาได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้นพบ

แต่ไม่ว่าการพบครั้งแรกจะเป็นอย่างไรก็ตาม กะโหลกแก้วที่เรียกขานกันต่อมาว่า
กะโหลกของมิทเชลล์-เฮดจ์สนี้ ก็เป็นหนึ่งในกะโหลกแก้วที่โด่งดังที่สุดในโลก ด้วยความเชื่อที่ว่า
มันเป็นมรดกตกทอดมาจากอดีตอันไกลโพ้น จากอารยธรรมขั้นสูงที่สูญสลายไปแล้ว
และหากมองดวงตาแก้วปริซึมนี้ให้ดี จะเห็นภาพของอนาคตปรากฏขึ้น

 72323


jerrysoft
#2
02-01-2010 - 10:23:33

#2 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 10:23:33 ]




กะโหลกของมิทเชลล์-เฮดจ์สนี้ทำจากแก้วบริสุทธิ์ ผ่านการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ไม่มีที่ติ
สันนิษฐานว่าผู้ที่สร้างขึ้นต้องใช้เวลากว่า 150 ปีจากรุ่นสู่รุ่น
กว่าจะเกิดเป็นกะโหลกปริศนาที่มีการประมาณการอายุกันคร่าวๆ ว่า น่าจะเก่าแก่กว่า 3,600 ปี
เพื่อใช้ประกอบ พิธีกรรมทางศาสนา ช่วยรักษาเยียวยาความเจ็บป่วย
แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจจะเป็นเครื่องมือกำหนดความตาย ของผู้ที่กระทำสิ่งไม่เหมาะสม
ทำให้กะโหลกนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กะโหลกมรณะ

นักวิทยาศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์อังกฤษได้ ตรวจสอบกะโหลกทั้งสอง
และพบว่า มีลักษณะทางสรีรวิทยาร่วมกัน กล่าวคือ
น่าจะเป็นกะโหลกที่ทำจำลองขึ้นมาจากหัวกะโหลกคนจริงๆ ที่เป็นผู้หญิงคนเดียวกัน
เพราะเมื่อถ่ายภาพเชิงซ้อนแล้วพบว่า แนวของกระดูกเข้ากันพอดี
หรืออีกนัยหนึ่ง กะโหลกแก้วอันใดอันหนึ่งถูกทำขึ้นมาก่อน แล้วเป็นแบบให้อีกอันหนึ่ง

กะโหลกแก้วทั้ง 2 ชิ้นที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันนี้ นับเป็นกะโหลกแก้วที่ถูกจับตามองที่สุด
และถูกนำไปตรวจสอบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ นานามากที่สุด
แต่ก็ยังไม่มีคำตอบอะไรที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาหรือวัตถุประสงค์ที่มันถูกสร้างขึ้น
และหลังจากที่กะโหลกแก้วทั้งสองกลายเป็นของมีชื่อเสียงขึ้นมา
ก็มีการประกาศการค้นพบกะโหลกแก้วในลักษณะคล้ายๆกันอีกเป็นจำนวนมาก

แต่ด้วยความเชื่อจากตำนานเก่าแก่ที่กล่าวถึงกะโหลกแก้ว 13 หัว
ทำให้ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า ไอ้ที่พบกันมากๆเป็นของจริงหรือของเก๊
และเท่าที่ปรากฏมาหลายหัวก็เป็นของทำเทียมเลียนแบบด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
แต่ก็มีอีกหลายหัวเหมือนกันที่ได้การยอมรับว่าเป็นของเก่าที่มีพลังบางอย่างแฝงอยู่
 72324


jerrysoft
#3
02-01-2010 - 10:23:53

#3 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 10:23:53 ]




กะโหลกแก้วที่มีชื่อเสียงตามมิทเชลล์-เฮดจ์สมาติดๆ คือกะโหลกที่เคยเป็นของลามะทิเบต
นามนอร์วู เชน ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากสุสานมายันในกัวเตมาลา
ท่านลามะใช้กะโหลกนี้เป็นเครื่องมือในการรักษาผู้ป่วยอย่างได้ผล จนกระทั่ง
ก่อนที่ลามะนอร์วู เชน จะมรณภาพ ก็ได้มอบกะโหลกนี้ไว้ให้แก่โจแอน พาร์คส์ ชาวเท็กซัส
ซึ่งฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านมานานหลายปี หลังจากที่ท่านได้ใช้กะโหลกนี้ช่วยรักษาอาการป่วย
ลูกสาวของเธอมาแล้ว

โจแอนซึ่งได้กะโหลกนี้มาใน พ.ศ.2523 อ้างว่า กะโหลกแก้วสื่อสารกับเธอ
และพร่ำบอกว่า เขาชื่อ แม็กซ์ และเขามีความสำคัญต่อมนุษยชาติ
และแม็กซ์ก็ประกาศศักดาให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง ด้วยการช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย
กะโหลกแก้วที่สำคัญอีกหัวหนึ่งชื่อ ชานารา ซึ่งเป็นของนิค โนเซอริโน
ซึ่งไม่เพียงจะมีกะโหลกแก้วในครอบครองเท่านั้น
แต่เขายังเป็นผู้ที่ศึกษาอย่างจริงจังจนเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ด้วย

นิคได้กะโหลกนี้มาจากการขุดค้นเมืองโบราณที่เม็กซิโก และเมื่อได้มันมา เขาก็เห็นภาพนิมิตว่า
กะโหลกตามตำนานมี 13 หัว โดย 12 หัว เป็นบริวารของกะโหลกที่เป็นหัวหน้าใหญ่
มีการตั้งทฤษฎีว่า กะโหลกเหล่านี้ไม่ใช่ของแอซเท็ค หรือมายันอย่างที่เคยเข้าใจ
แต่เป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากแอตแลนตีส อาณาจักรปริศนาที่ยังหาไม่พบ
และกะโหลกเหล่านี้ทำหน้าที่ในการบันทึกภาพต่างๆ ซึ่งหลายคนที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของกะโหลกก็อ้างว่า ในบางเวลาที่จังหวะ และแสงเหมาะๆ
ก็เคยเห็นภาพจากกะโหลกแก้วมาแล้ว โดยเฉพาะกะโหลกแก้วของมิทเชลล์-เฮดจ์ส
ที่ว่ากันว่า มีคนเห็นภาพยูเอฟโอสะท้อนออกมา
 72326


jerrysoft
#4
02-01-2010 - 10:24:13

#4 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 10:24:13 ]




มีเสียงเล่าลือว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่กะโหลกที่แท้จริงทั้ง 13 หัว ถูกค้นพบ และนำมาไว้ด้วยกัน
ก็จะเห็นภาพของอนาคต แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เรายังไม่สามารถพิสูจน์ความเชื่อนี้
เพราะยังมีเพียงไม่กี่หัวที่สามารถบอกได้ว่าเป็นของแท้ เช่น แม็กซ์ และ ชานารา
ซึ่งเคยถูกวิเคราะห์จากนักวิทยาศาสตร์แล้วคิดว่าน่าจะมีอายุราวๆ 5,000 ปี
และของมิทเชลล์เฮดจ์สที่เก่าแก่เหมือนกัน
ในขณะที่กะโหลกที่เคยโด่งดังมากอีกหัวหนึ่ง ที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษนั้น
เพิ่งจะมีการตรวจสอบซ้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
และผลปรากฏออกมาว่า น่าจะเป็นของที่ทำปลอมขึ้น ในปลายศตวรรษที่ 19 นี่เอง
ทำเอานักโบราณคดีที่ชอบไปนั่งจ้องตากับกะโหลกหัวนี้เซ็งไปตามๆกัน
 72327


jerrysoft
#5
02-01-2010 - 10:24:39

#5 jerrysoft  [ 02-01-2010 - 10:24:39 ]




แต่ไม่ว่าอันไหนจะปลอม อันไหนจะจริง มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร และทำไม
ก็ยังคงเป็นปริศนาที่นักโบราณคดีกุมขมับ เพราะแกะความลับไม่ออกมานานแสนนาน
จนภาพยนตร์ดังระดับตำนานอย่าง อินเดียน่า โจนส์ ยอดนักโบราณคดี
ที่เคยนำแฟนๆทั่วโลกไปผจญภัยค้นหาสมบัติในดินแดนลึกลับมาแล้วถึง 3 ภาค
และในภาคล่าสุดนี้พ่อมดแห่งฮอลลีวูด สตีเว่น สปีลเบิร์ก ก็ปิ๊งไอเดีย
นำเรื่องของกะโหลกแก้วมาสร้างเป็นตอนใหม่ คือ
อินเดียน่า โจนส์ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 4 : อาณาจักรกะโหลกแก้ว
(Indiana Jones And The Kingdom Of The Crystal Skull)
ปลุกกระแสความสนใจในปริศนากะโหลกแก้วให้กลับมาฮือฮากันอีกครั้งหนึ่งในรอบ 110 ปีนี้

ซึ่งนั่นก็คือการย้ำเตือนว่า แม้จะมีการกล่าวขวัญกันมามากมาย นานแสนนาน และบ่อยครั้งสักเพียงใด
" กะโหลกแก้ว " ยังคงมนต์ขลังแห่งความลี้ลับเหนือการพิสูจน์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลายอยู่เช่นเดิม.
 72328


  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



ข้อมูลเมื่อ 20th March 2024 01:40

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ