โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
7 กิจกรรมน่ากลัวของธรรมชาติ (ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้)
cherrydoll18780
#1
30-09-2011 - 10:58:37

#1 cherrydoll18780  [ 30-09-2011 - 10:58:37 ]






ในสมัยอดีตเรามักสับสนว่าฟ้าผ่าและฟ้าร้องคือเสียงของพระเจ้า ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวนักวิทยาศาสตร์ก็ได้อธิบายได้แล้วว่าเกิดกลไกธรรมชาติแต่อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติยังมีเรื่องราวที่น่าพิศวงอีกมากที่เราไม่รู้ บางเรื่องก็ดูลึกลับและน่ากลัว ไม่สามารถอธิบายได้ตารมหลักวิทยาศาสตร์ แม้ว่าจะเห็นจะๆ ก็ตาม และนี้คือ 7 กิจกรรมน่ากลัวของธรรมชาติ(ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้)

7. Naga Fireballs



บั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดในแม่น้ำโขง ในประเทศไทย จะพบที่จังหวัดหนองคายและจังหวัดบึงกาฬ โดยในจังหวัดหนองคายจะพบที่หน้าวัดไทย และบ้านน้ำเป อำเภอรัตนวาปี วัดหินหมากเป้ง และอ่างปลาบึก อำเภอสังคม ส่วนที่จังหวัดบึงกาฬจะพบที่วัดอาฮง อำเภอเมืองบึงกาฬ ในภาคอีสาน) และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (เวียงจันทร์) โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวจะมีลูกบอลเรืองแสงโผล่ขึ้นจากน้ำพุ่งไปยังท้องฟ้า ลูกบอลมีสีแดงและมีขนาดหลากหลายจากขนาดเล็กไปจนถึงบาสเกตบอล โดยจะพุ่งไปอวกาศอย่างรวดเร็วสูงถึงสองร้อยเมตรก่อนที่หายไป โดยจำนวนของบั้งไฟก็แตกต่างกันไปในแต่ละคืน แต่สิ่งที่น่าพิศวงก็คือมันจะเกิดขึ้นในคืนออกพรรษาของไทยทุกปีไม่มีขาด (ซึ่งอาจตรงกับวันแรม 1 ค่ำ หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของไทย โดยแต่ละปีจะปรากฏขึ้นประมาณ 3-7 วัน) และเป็นปรากฏการณ์ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ แม้ว่าทางวิทยาศาสตร์จะพยายามอธิบายที่มาของปรากฏการณ์นี้ เช่น คาดว่าอาจจะเป็นการโผล่พ้นน้ำของก๊าซมีเทน-ไนโตรเจน หรือ ฟอสฟอรัส ที่เกิดจากการย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์ใต้น้ำ ส่วนอีกข้อสมมุติฐานหนึ่งก็คือเกิดการกระทำของมนุษย์เองซึ่งครั้งหนึ่ง ในปี 2002 สถานทีโทรทัศน์ไทยเคยติดตามข่าวว่าเกิดจากทหารลาวจุด แต่อย่างไรข้อสันนิษฐานดังกล่าวทำให้ประชาชนทั่วไปรับไม่ได้ นอกจากนั้นบั้งไฟพญานาคดังกล่าวมีมานานหลายร้อยปี(ก่อนที่ได้รับความนิยมในปี 1990) จึงไม่น่าเป็นฝีมือของมนุษย์ หลายคนเชื่อว่าลูกไฟดังกล่าวเป็นลูกไฟของพญานาคที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ ซึ่งสถานที่ดังกล่าวมักมีรายงานการพบเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายงูปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นอยู่เนื่องๆ



6. Star Jelly



เยลลี่ สตาร์ เป็นสารลึกลับที่มีลักษณะเหมือนวุ้นตามตำนานเชื่อว่ามันติดมากับฝนดาวตก โดยสารดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเจลาตินสีเทาหรือสีขาวโปร่งใส ระเหยตัวช้า ตามรายงานพบว่ามีการพบมายาวนานหลายศตวรรษ ยกตัวอย่างในปี 1950 ในฟิลาเดลเฟีย, เพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบเยลลี่รูปโดมเส้นผ่าศูนย์กลางหกฟุต เมื่อพวกเขาพยายามนำมันกลับก็ปรากฏว่ามันละลาย ไม่มีกลิ่น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นแรงบันดาลใจกับภาพยนตร์เรื่อง Blob หลังจากนั้นก็มีรายงานการพบสารนี้ทั่วโลกมีการตรวจสอบก็พบว่าไม่มีดีเอ็นเออะไรในเยลลี่ทั้งสิ้น มีคำอธิบายเกี่ยวกับที่มาของสารนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง ของเหลวที่เกิดจากการอาเจียนของนกหรือสัตว์จำพวกกบหรือคางคก หรือจะเป็นของเหลวจากหนอน ราเมือก และการตกค้างของไซยาโนแบคทีเรีย หรือจะเป็นอีกชนิดของสาหร่ายน้ำจืดที่มักเกิดขึ้นหลังฝนตก
ปัจจุบันเรื่องของเยลลี่ สตาร์ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมากมาย เช่น Invasion Of The Body Snatchers (1978)



5. Blue Jets and Red Sprites




ไอพ่นสีน้ำเงินและสไปรท์สีแดง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติทางแสงที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศเหนือเมฆที่มีฟ้าร้องฟ้าผ่าฟ้าคะนอง โดยการที่จะเห็นได้จะต้องนั่งเครื่องบินไปเท่านั้น ซึ่งพึ่งค้นพบเรื่องดังกล่าวเมื่อปี 1990จากภาพถ่ายประมาณยี่สิบภาพที่ได้จากกระสวยอวกาศ โดยเราจะเห็นแสงประหลาดได้ด้วยตาเปล่า(แต่ค่อนข้างสลัวดังนั้นต้องให้ตาปรับความมืดด้วย) รูปร่างลักษณะเหมือนฟ้าผ่าที่มีสีน้ำเงินและสีฟ้า โดยเกิดแบบสุ่ม เพียงประมาณร้อยละหนึ่งของจังหวะฟ้าผ่าดังนั้นจงไม่รับประกันว่าเราจะเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวในขณะที่มีฟ้าคะนองทุกครั้ง นอกจากนั้นระยะเวลาปรากฏมีไม่กี่วินาทีซึ่งสั้นเกินไปในการที่จะดูได้ทัน ส่วนสไปรท์สีแดงมีขนาดใหญ่กว่า และส่วนใหญ่แดงมักพบเห็นบ่อยกว่า และปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่สามารถสรุปได้ว่ามันมีกลไกเกิดขึ้นได้อย่างไร รู้แต่ว่าสาเหตุมาจากฟ้าผ่านอกเหนือจากนั้นไม่รู้



4. Earthquake Lights



แสงแผ่นดินไหว เป็นปรากฏการณ์แสงวาบประหลาดบนท้องฟ้า ที่เกิดแสงเหมือนรุ้งกินน้ำหรือแสสงออโรร่า แต่มีลักษณะเป็นคลื่นโดยมักเกิดในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหว หรือไม่ก็ภูเขาไฟระเบิด โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวพึ่งได้รับความสนใจจากภาพถ่ายแสงดังกล่าว ในเหตุแผ่นดินไหวนากาโน่ ประเทศญี่ปุ่น (เมื่อปี1965-1967) โดยการปรากฏตัวของแสงดังกล่าวจะเกิดก่อนและหลังแผ่นดินไหว และสามารถมองเห็นได้นานหลายนาที และเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ในทางวิทยาศาสตร์แม้ว่าจะมีทฤษฏีมากมายที่หยิบยกมาอธิบายหาคำตอบนี้ เช่น เกิดจากสนามไฟฟ้าเข้มจากเพียโซอิเล็กทริก(piezoelectrically) ซึ่งเป็นการประจุไฟในวัตถุของแข็งจำพวกผลึกหรือแร่หรือวัตถุชีวภาพเช่นกระดูก) โดยการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกที่มีแร่หินควอทซ์ หรือจะเป็นเรื่องของสนามแม่เหล็กโลกหรือบรรยากาศนอกโลกที่ความตึงเครียดของเปลือกโลกทำให้เกิดผลกระทบทำให้เกิดการเรืองแสง แม้กระทั้งยูเอฟโอก็เคยหยิบยกมาเป็นประเด็นมาแล้ว



3. Red Rain in Kerala



ปรากฏการณ์ฝนแดงแห่งเกราลา เป็นปรากฏการณ์ที่ฝนตกมาเป็นฝนสีแดง(ฝนเลือด) เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 23 กันยายน 2001 ที่ประเทศที่อินเดีย เมืองเกราลา ที่เดียวกับมหาลัยมหาตมะ คานธี จู่ๆก็มีมีเสียง ระเบิดดังขึ้นก่อนที่ฝนประหลาดตกลงมา โดยฝนดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับเลือด, สีเหลืองเขียว และสีดำ ซึ่งฝนเหล่านี้ตกเหมือนฝนทั่วๆ ไป ซึ่งโดยเบื้องต้นนักวิทยาศาสตร์ได้สรุปว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากอุกกาบาติที่พุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศและระเบิดขึ้น โดยที่ฝุ่นละอองจากการระเบิดนั้นได้ทำให้เกิดสปอร์ จำนวนมหาศาล ซึ่งสปอร์เหล่านั้นได้เข้าไปสะสมอยู่ในกลุ่มเมฆและ ทำให้น้ำฝนเป็นสีแดง

ต่อมาน้ำฝนดังกล่าวได้ถูกรวบรวมและได้ถูกส่งข้ามโลกไปตรวจสอบที่แล็ป จากการตรวจสอบพบว่าฝนแดงเหล่านี้มีเซลล์บางอย่างที่เหมือนกับเป็นเซลล์สิ่งมีชีวิต หากเรื่องพิศวงคือเมื่อทำการตรวจสอบโดยกล้องจุลทรรศน์อิเล็คทรอนที่มีกำลังขยายหลายหมื่นเท่าพบว่าโครงสร้างเซลล์นั้นประกอบด้วยคาร์บอนและออกซิเจน แต่ไม่ปรากฏ DNA แต่อย่างใด จนทำให้หลายฝ่ายคิดว่าเซลล์เหล่านี้ไม่ใช้เซลล์ที่อยู่บนโลก หรือว่านี้คือสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่จากนอกโลกที่มาพร้อมกับดาวหางหรือเข้ามาบนโลกพร้อมเศษอุกาบาตก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามสุดท้ายหลายคนสรุปว่าฝนแดงนี้ก็คือสปอร์สาหร่ายชนิดหนึ่งเท่านั้น ส่วนมันจะไปอยู่ในฝนได้ยังไงนั้น ก็ยังคงเป็นความลับต่อไป



2. Raining Animals




ฝนสัตว์ เป็นปรากฏการณ์อุตุวิทยาลึกลับที่จู่ๆ ก็มีสัตว์ตกมาพร้อมกับฝน โดยมีรายงานเกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยสัตว์ที่ตกส่วนมากมักเป็นกบและปลา ทำให้เลือกอีกชื่อว่าฝนกบฝนปลา นอกจากนี้ยังมีสัตว์ชนิดอื่นๆ อีกที่ตกมาพร้อมกับฝน เช่น กบ คางคก หอย จระเข้ ทาก งู อีกทั้งเมล็ดธัญพืชอีกนานาชนิดอีกด้วย โดยสัตว์ที่ตกมาพร้อมกับฝนมีหลายสภาพ เช่น ตกมาทั้งตัวเป็นๆ ยังมีชีวิตอยู่ หรือถูกแช่แข็งจนตาย หรือว่าร่างกายถูกฉีกเป็นชิ้นๆ(ซึ่งมักเกิดขึ้นกับตอนที่มีพายุลมแรงโดยเฉพาะทอร์นาโด) โดยฝนสัตว์ได้รับความนิยมจากงานเขียนของชาร์ลส์ ฟอร์ท คนอเมริกันได้คนบันทึกรายงานเรื่องราวแปลกๆ แบบนี้เอาไว้ในหนังสือ “The Book of the Damned”
โดยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่พยายามอธิบายเหตุการณ์นี้ก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ทั้งหลายนั้นเกิดและโตอยู่บนเมฆหรือท้องฟ้าในชั้นบรรยากาศที่เรียกว่า “ทะเลซุปเปอร์ซาร์กัสโซ” ล่องลอยอยู่เหนือโลก วันดีคืนดีกบและปลาอาจตกลงมาผิวโลกก็ได้ ซึ่งแน่นอนทฤษฎีนี้ก็มีคนมาเถียงอีกโดยบอกว่าถ้ามีจริงทำไมเครื่องบินหรือจรวดไม่เคยเจอทะเลที่ว่านี้ อีกทั้งถ้าสัตว์พวกนี้เกิดบนท้องฟ้าจริงอวัยวะภายในและรูปร่างของมันจะต้องแปลกกว่าสัตว์ที่โตบนพื้นดิน แต่นี้เวลาผ่าอวัยวะมันดูปรากฏว่าเป็นแค่สัตว์ธรรมดาทั่วไป และทฤษฏีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือเกิดจากพายุฟัด คือพายุเฮอร์ริเคน ทอร์นาโด ไต้ฝุ่น ที่หอบเอาบรรดาสารพัดสิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งบางทีอาจจะจากแม่น้ำลำคลอง คูหนอง คลองบึง ทะเล หรือมหาสมุทรหรือแล้วแต่ทางที่พายุพัดผ่านไป แล้วเมื่อพายุอ่อนกำลังลง บรรดาสารพัดสิ่งที่พายุพัดหอบเอามาด้วย ก็เลยตกลงไปกลายเป็นสารพัดฝนนี่แหละ แน่นอนก็มีคนมาเถียงอีกว่าพายุที่ไหนที่เลือกพัดหอบเอาแค่กบ หรือเอาแค่ปลา ไปตกที่อื่น ? ในเมื่อพัดสิ่งมีชีวิตในคลอง ก็น่าจะมีพวกกุ้ง หอยติดมาด้วยสิ แต่นี้ไม่เห็นมีสักอย่าง และฝนตกแต่ละทีทำไมมีแต่ปลานิดเดียวกัน ทำให้ข้อสรุปเรื่องราวฝนประหลาดนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดจากอะไรกันแน่?



1. Spontaneous Human Combustion





ยังคงเป็นปรากฏการณ์ที่น่าขนหัวลุกที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ กับเหตุการณ์ Spontaneous human combustion (SHC) หรือ"ปรากฏการณ์เผาไหม้ร่างมนุษย์" เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ที่จู่ๆ คนบางคนถูกไฟไหม้ลุกทั่วร่าง ซึ่งเกิดขึ้นกว่าร้อยรายที่เกิดปรากฏการณ์นี้ จะมีรูปแบบคล้ายๆ กันคือ ร่างกายของผู้เคราะห์ร้ายจะถูกเผาไหม้ไปเกือบจะเป็นเถ้าถ่านหมดจด โดยที่ตัวผู้เคราะห์ร้ายมักจะอยู่ในเคหะสถาน และบางครั้งจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมๆ ของควันในห้องที่เกิดเหตุ ที่น่าประหลาดใจคือ
บางครั้ง แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านชนิดจำไม่ได้ เช่น ส่วนหัว เป็นต้น แต่ว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกายเช่น มือ เท้า หรือเสื้อผ้า กลับไม่มีร่องรอยการถูกเผาไหม้แต่อย่างใด และสภาพแวดล้อมที่เกิดเหตุหรือแม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ กลับเหมือนกับไม่มีอะไรไปแตะต้องเลย ไม่มีแม้แต่รอยไหม้ ของไฟสักนิด
บางกรณีที่เกิดขึ้น อวัยวะภายในของผู้เคราะห์ร้ายจะไม่มีร่องรอยการถูกไฟเผาเลย ในขณะที่ภายนอกถูกเผาเป็นเถ้าถ่านหมด ส่วนสาเหตุของปรากฏการณ์ ก็มีการสันนิษฐานไว้หลายอย่าง โดยเชื่อว่าในร่างกายคนเราก็มีไขมันที่ทำหน้าที่เป็นวัตถุที่ติดไฟได้ หรือว่าร่างกายเรามีก๊าซชนิดหนึ่งที่เรียกว่าก๊าซมีเธนในลำไส้ที่ทำปฏิกิริยาบางอย่างทำให้ลุกติดไฟ หรือไม่ก็อุบัติเหตุที่มีข้อสังเกตว่า ผู้เคราะห์ร้ายที่เจอปรากฏการณ์นี้ส่วนใหญ่เป็นพวกสิงห์รมควันมักพบว่าตายในขณะที่หลับโดยยังจุดบุหรี่ซิการ์ หรือไปป์เอาไว้โดยขี้เถ้าหรือสะเก็ตไฟเกิดติดเสื้อผ้าลุกเผาไหม้ทั่วผู้ตายนั่นเอง แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่จะอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวได้เลย

Credits : http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=486572&chapter=371


ใครอยากอ่านข้อมูดอันดับ1เพิ่ม อ่านที่http://www.thaithesims3.com/topic.php?topic=59581


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-09-30 11:45:24
poklonas
zecret

poklonas
#2
30-09-2011 - 11:04:30

#2 poklonas  [ 30-09-2011 - 11:04:30 ]





ลำดับที2 อธิบายได้หนิ

คือมันเป็นพายุทีพัดผ่านป่าหรือเเม่น้ำ ทะเลมาเเล้วพัดนำสัตว์มาด้วย เเล้วจึงมาโดนคนบนเกอะ


patzy123
#3
30-09-2011 - 11:22:36

#3 patzy123  [ 30-09-2011 - 11:22:36 ]





ไฟไหม้ตัวเอง



ซิมตอง
#4
30-09-2011 - 11:34:07

#4 ซิมตอง  [ 30-09-2011 - 11:34:07 ]





ฝนแดง เราว่ามันอาจจะเปก็นอย่างที่อธิบายก็ได้นะ แต่ว่าที่บลอกว่าเป็นเซลสาหร่ายนี่สิไม่น่าจะใช่สาหร่ายอ่ะไรสีแดง



หินลับมีด
cherrydoll18780
#5
30-09-2011 - 11:37:12

#5 cherrydoll18780  [ 30-09-2011 - 11:37:12 ]






^
^


สาหร่ายแดงค่ะ^^

zecret

remeas
#6
30-09-2011 - 11:39:02

#6 remeas  [ 30-09-2011 - 11:39:02 ]





อันสุดท้ายนี่อ่านแล้วเริ่มคิดว่าบางนอาจมีก๊าซแปลกๆในตัว


naerlovely
#7
30-09-2011 - 11:45:45

#7 naerlovely  [ 30-09-2011 - 11:45:45 ]






กลัวอันสุดท้าย



ไอเริ่บ โอบิโตะ ชิบหาย♥ obsidian sims @FB
cherrydoll18780
#8
30-09-2011 - 19:13:33

#8 cherrydoll18780  [ 30-09-2011 - 19:13:33 ]






ขออนุญาติดันเล็กน้อยนะคะ


tunchanok204
#9
30-09-2011 - 19:24:44

#9 tunchanok204  [ 30-09-2011 - 19:24:44 ]






  • 1

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ