โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
วันสิ้นโลก.. จริงหรือ?? ตอนนี้ควรคิดอย่างไรกับมัน =o=
Jomyung
#1
08-10-2011 - 02:21:13

#1 Jomyung  [ 08-10-2011 - 02:21:13 ]




อย่าเป็นนักอ่านเงาค่ะ พูดง่ายๆ ไม่ชอบค่ะ""

ยังไงก็ช่วยโหวด+เม้นท์ให้กันหน่อนนะคะ!



พระธรรมเทศนาเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก โดยพระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑโ

ส่วนข้อคิดในทางพระพุทธศาสนา พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ ได้ให้แง่คิดไว้ว่า : ไม่ว่าจะเป็นสึนามิ หรือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เฮติ เรียกว่าเป็นสัญญาณเตือนเลยก็ได้ แต่ยังไม่ถึงขนาดโลกจะแตกดับ แต่จะเป็นการเตือนว่าสิ่งที่มนุษย์เราทำไม่ดี มันแย่นะ การแตกดับของโลกนั่นมีวงจรของมันอยู่แล้ว แต่จะเร็วจะช้าก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ ถ้ามนุษย์ทำดีวงจรก็จะยืดยาวไป แต่ไม่ถึงขนาดจะแตกดับใน1 ปี หรือ 2 ปีข้างหน้า

แล้ววงจรในการแตกดับเป็นอย่างไร ภายหลังจากที่เราได้ศึกษาในเรื่องของการเกิดของมนุษย์ในตอนที่แล้วไปแล้วนั่น ว่าหลังจากที่เกิดยุคมิคสัญญี มนุษย์ที่หนีเข้าป่าก็ได้ทำความดี สิ่งแวดล้อมก็ดีขึ้น อายุขัยก็เริ่มไขขึ้นมีอายุยืนขึ้น พออายุขัยยืนยาวนานมาก มนุษย์ก็เริ่มทำไม่ดี อายุขัยก็เริ่มลดน้อยลงอย่างนี้อีกหลายรอบ พอเต็มที่เข้าก็ถึงตอนที่กัปจะทำลายลง โดยจะมีการทำงายด้วย 3 อย่างใหญ่ คือ

1.ไฟประลัยกัลป์ล้างโลก
2.น้ำประลัยกัลป์ล้างโลก
3.ลมประลัยกัลป์ล้างโลก




เมื่อดวงมีดววงอาทิตย์เกิดขึ้นถึง 7 ดวง ความร้อนแรงจะไม่มีประมาณทำลายล้างได้ทุกอย่าง

1. ไฟประลัยกัลป์ล้างโลก

การที่โลกถูกทำลายด้วยไฟนั้น เริ่มจากจะไม่มีฝนตกเป็นเวลายาวนาน ความแห้งแล้งเริ่มปรากฏขึ้นในกาลต่อมา ดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ปรากฏขึ้น ทำให้ ขณะนั้นโลกและจักรวาลมีดวงอาทิตย์ถึง 2 ดวง ทำให้ไม่มีกลางวันและกลางคืนดวงอาทิตย์ดวงที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้ จะมีความร้อนรุนแรงกว่าดวงอาทิตย์ที่มีมาแต่เดิม ทั้งนี้เป็นเพราะดวงอาทิตย์ดวงที่เกิดขึ้นใหม่นี้เกิดด้วยอานุภาพกรรมของมนุษย์ จึงไม่มีสุริยเทพบุตรอยู่เหมือน ดวงอาทิตย์ดวงแรกซึ่งไม่ได้เกิดจากแรงกรรม และด้วยความร้อนแรงที่มากขึ้นอย่างมหาศาล สุริยเทพบุตรที่ อาศัยอยู่ในดวงอาทิตย์ดวงเดิมนั้น ก็ไม่อาจจะอยู่ต่อไปได้ จึงเร่งทำความเพียรเจริญภาวนา เพื่อให้ได้ฌาน และหนีไปบังเกิดยังพรหมโลกชั้นสูง ซึ่งเป็นภพที่อานุภาพการทำลายไปไม่ถึง

และเพราะเหตุที่มีดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นถึง 2 ดวง อุณหภูมิความร้อนในโลกจึงทวีขึ้นอย่างมากมาย ส่งผลให้บนท้องฟ้าปราศจากเมฆและหมอก น้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ เหือดแห้งน้ำที่ยังเหลืออยู่ในโลก มีเพียงน้ำในแม่น้ำ 5 สาย คือแม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี มหิ และสรภู เท่านั้น มนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ต่างล้มตายและไปบังเกิดในพรหมโลกทั้งหมด เพราะพากันเร่งรีบเจริญภาวนาเพื่อให้ได้ฌานกัน ทั้งนี้เพราะทราบล่วงหน้าว่าภัยร้ายแรงจะมาเยือน สาเหตุที่มนุษย์ทราบว่าโลกจะถูกทำลายนั้น เนื่องจากก่อนที่โลกจะถูกทำลายแสนปี จะมีเทวดาประเภทหนึ่ง เรียกว่า โลกพยุหเทวดา นุ่งห่มด้วยผ้าสีแดง มาป่าวประกาศให้มนุษย์ทราบว่า อีกแสนปี ข้างหน้าโลกจะพินาศ รวมทั้งจักรวาล ตลอดจนสรรพสิ่งทั้งปวง แม้กระทั่งภูมิของสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น จนถึงพรหมโลกชั้นที่ได้ปฐมฌาน และยังแนะนำต่อไปอีกว่า อย่าประมาทให้เร่งสร้างบุญกุศล เพื่อจะได้ไปเกิดในภูมิที่พ้นจากความพินาศนี้

หลังจากที่เทวดานั้นมาประกาศให้มนุษย์ทราบแล้ว มนุษย์ต่างบังเกิดความสลดสังเวชใจ จึงเร่งสร้างบุญกุศล และบำเพ็ญภาวนากันจนได้ฌานสมาบัติ ตายแล้วไปบังเกิดในพรหมโลก เหล่าเทวดา และพรหมก็เช่นกัน ต่างเร่งเจริญภาวนาเพื่อจะได้ไปบังเกิดในภพภูมิที่ปลอดภัย ส่วนสัตว์ในอบายภูมิทั้งหลายเมื่อพ้นจากวิบากกรรมมาเกิดเป็นมนุษย์ และทราบเรื่องที่เทวดามาประกาศ ก็เร่งสร้างบุญกุศลและเจริญภาวนาเช่นกัน คงเหลือเพียงผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิที่ไม่เร่งสร้างบุญกุศล เมื่อโลกถูกทำลายจึงไปบังเกิดใน ภพภูมิเดิมของจักรวาลอื่นที่ยังไม่ถูกทำลาย

หลังจากนั้นมาอีกยาวนาน ดวงอาทิตย์ดวงที่ 3 ปรากฏขึ้น และด้วยอานุภาพความร้อนแรงที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้น้ำที่เคยเหลืออยู่ในแม่น้ำทั้ง 5 นั้น เหือดแห้งไปจนหมดสิ้น ต่อมาปรากฏมีดวงอาทิตย์ดวงที่ 4 ความร้อนแรงยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทับทวี จนกระทั่งทำให้น้ำในสระใหญ่บริเวณป่าหิมพานต์ซึ่งละลายมาจากหิมะ แห้งหายจนหมดสิ้น น้ำในมหาสมุทรของจักรวาลเริ่มแห้งขอดลง

หลังจากนั้น ดวงอาทิตย์ดวงที่ 5 ก็บังเกิดขึ้น ถึงตรงนี้ น้ำในมหาสมุทรต่างๆ เหือดแห้งจนหมดสิ้น และเมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ 6 ปรากฏ อานุภาพของความร้อนจึงทำให้แผ่นดินและภูเขาไม่หลงเหลือ ธาตุน้ำอยู่เลย ทำให้ไม่สามารถคงสภาพเดิมไว้ได้ กลายเป็นผงฝุ่นฟุ้งไปทั่วทั้งโลก

ต่อจากนั้นดวงอาทิตย์ดวงที่ 7 ก็ปรากฏขึ้น ด้วยความร้อนแรงที่ไม่มีประมาณ ทำให้โลกธาตุทั้งแสนโกฏิจักรวาลลุกเป็นไฟขึ้นพร้อมกัน เกิดการระเบิดเสียงดังสนั่นกึกก้องกัมปนาท ยอดเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และดาวดึงส์ถอนหลุดออกจากที่ แล้วแตกแยกย่อยกระจัดกระจายสูญหายไปในอากาศ



เปลวไฟจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างทั้งโลกและจักรวาลนี้เป็นจุล

สำหรับเปลวไฟที่เผาทำลายโลกและจักรวาลนี้ จะเริ่มที่โลกมนุษย์ก่อน จากนั้นจึงลุกลามไปยังเทวโลกทุกชั้นตามลำดับ และเลยไปถึงพรหมโลกชั้นต้น ซึ่งเป็นพรหมที่ได้ปฐมฌานไฟนี้จะไหม้อยู่เป็นเวลาที่ยาวนานมาก จนกระทั่งไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ ไฟจึงมอดดับลงในพรหมโลกหลังจากไฟมอดดับไปแล้ว จักรวาลเหลือเพียงอากาศว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดๆ บังเกิดความมืดมิดขึ้นทั่วทั้งจักรวาลเป็นเวลายาวนาน

2. น้ำประลัยกัลป์ล้างโลก

การที่โลกถูกทำลายด้วยน้ำ จะไม่มีดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นเหมือนกับที่โลกถูกทำลายด้วยไฟ โลกยังคงมีดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียวอย่างที่เคยเป็นมา แต่การทำลายจะเริ่มจาก มีเมฆที่มีฤทธิ์เป็นกรดเกิดขึ้น แล้วฝนจึงตกลงมาจากเมฆที่มีฤทธิ์เป็นกรดนั้น ทำให้กลายเป็นน้ำกรดที่มีฤทธิ์รุนแรง สามารถกัดละลายสรรพสิ่งทั้งหลายให้ละลายได้ โดยจะตกต่อเนื่อง ไม่มีขาดช่วงเลยจนกลายเป็นเหมือนสายน้ำ ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นๆ จนในที่สุด ท่วมพื้นแผ่นดินและภูเขา ท่วมโลกจนกระทั่งเต็มทั่วท้องจักรวาลทั้งแสนโกฏิจักรวาล



น้ำประลัยกัลป์จะท่วมทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่สวรรค์และชั้นพรหมบางชั้น

น้ำซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดรุนแรงนี้ จะกัดละลายทุกสิ่งทุกอย่างจนสูญสลายไม่มีเหลือ ระดับน้ำจะสูงขึ้นไป จนท่วมสวรรค์ชั้นต่างๆ ท่วมถึงพรหมโลกชั้นที่ได้ทุติยฌาน คือ พรหมปริตตาภา พรหมอัปปมาณาภา และพรหมอาภัสสรา แล้วหยุดเพียงเท่านี้ สิ่งทั้งหลายที่จมน้ำหรือถูกท่วมถึง ก็จะถูกกัดละลายจนหมดสิ้น

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างถูกกัดละลายจนไม่เหลือสิ่งใดๆ เลย น้ำซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดนั้นจะยุบแห้งหายไป เหลือเพียงอากาศที่ว่างเปล่าโล่งเตียนไม่หลงเหลือสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ทั่วทั้งจักรวาลมืดมิดไม่มีแสงสว่างใดๆ

3. ลมประลัยกัลป์ล้างโลก

ในครั้งที่โลกและจักรวาลถูกทำลายด้วยลม โลกยังคงมีดวงอาทิตย์ดวงเดียวเช่นที่เคยเป็นมา แต่ การทำลายด้วยลมเริ่มจากมีลมเกิดขึ้น ในช่วงแรกเป็นเพียงลมอ่อนๆ แล้วจึงแรงขึ้นตามลำดับ จากที่พัด พาสิ่งที่มีน้ำหนักเบา ก็แรงจนสามารถทำให้สิ่งต่างๆ พัดปลิวไปในอากาศได้ เริ่มจากที่เพียงพัดฝุ่นให้ฟุ้งตลบขึ้น เป็นพัดพาทราย กรวด และก้อนหิน และแรงขึ้นจนพัดสิ่งต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ ทั้งต้นไม้ อาคารบ้านเรือน ตลอดจนสรรพสิ่ง หลุดลอยขึ้นไปในอากาศ



ลมก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการเกิดวันสิ้นโลก แต่ไม่ใช่ ปี 2012 แน่แท้

ด้วยอานุภาพรุนแรงอย่างมหาศาล จึงทำให้สิ่งต่างๆ ที่ถูกพัดขึ้นไปแหลกละเอียดกระจัดกระจายไม่เหลือสิ่งใดๆ เลย ต่อมาเกิดลมขึ้นใต้ผืนแผ่นดิน ความรุนแรงของลมได้พัดพลิกแผ่นดินให้หงายขึ้น และพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ แม้แต่ภูเขา และน้ำจากแหล่งต่างๆ ทั้งในแม่น้ำ ทะเล และมหาสมุทร ทุกสิ่งทุกอย่างถูกพัดปลิวขึ้นสู่อากาศ และแหลกกระจุยกระจายด้วยแรงลมที่มีความรุนแรงในการฉีกทำลายมหาศาลเขาพระสุเมรุถูกพัดหลุดลอยขึ้นไปในอากาศ และแหลกละเอียดกระจัดกระจายไม่เหลือเศษ สวรรค์ชั้นต่างๆ จักรวาลทั้งหลายกระทบกระแทกเข้าหากันจนแตกละเอียดเป็นผุยผง ตลอดจนถึงพรหมโลกชั้นที่ได้ตติยฌานทั้ง 3 อันได้แก่ พรหมปริตตสุภา พรหมอัปปมาณสุภา และพรหมสุภกิณหา ได้ถูกลมพัดทำลายจนสิ้น เมื่อสิ่งต่างๆ ถูกทำลายจนหมดสิ้น ลมจึงสงบหายไป เหลือเพียงความเวิ้งว้างของท้องจักรวาล ที่มีแต่ความว่างเปล่าโล่งเตียนไม่หลงเหลือสิ่งใดๆ ปรากฏเพียงความมืดมิดทั่วทั้งจักรวาล

การที่พระพุทธองค์ทรงแสดงถึงการทำลายของโลกนี้มิได้มีพระประสงค์ที่จะให้ผู้ใดหวาดกลัว มิได้ประสงค์จะเตือนให้ระวังภัยที่โลกจะถูกทำลาย และมิได้มีพระประสงค์จะแสดงเพื่อให้เป็นศาสตร์ว่าด้วย ความรู้เรื่องการเกิดและการทำลายของโลก แต่ที่ทรงแสดงถึงการที่โลกถูกทำลายนี้ ก็เพื่อที่จะแสดงให้เกิดความเบื่อหน่ายในโลก เบื่อหน่ายในการเวียนว่ายในสังสารวัฏที่หาเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่พบ เพราะแม้ว่าภพภูมิต่างๆ จะน่ารื่นรมย์ สวยสดงดงาม และมีสัมผัสอันเป็นสุขอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ล้วนไม่เที่ยงแท้ถาวร ไม่มีผู้ใดเลยที่จะสามารถเป็นเจ้าของหรือครอบครองสิ่งใดได้ตลอดไป



ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงแสดงถึงการที่โลกถูกทำลายดังนี้ เพื่อให้เกิดความเบื่อหน่าย สลด สังเวชใจ และหาทางหลุดพ้นในที่สุด ดังที่แสดงใน สุริยสูตร ว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม นี้เป็นกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขุนเขาสิเนรุ โดยยาว 84,000 โยชน์ โดยกว้าง 84,000 โยชน์ หยั่งลงในมหาสมุทร 84,000 โยชน์ สูงจากมหาสมุทรขึ้นไป 84,000 โยชน์ มีกาลบางคราวที่ฝนไม่ตกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี เมื่อฝนไม่ตก พืชคาม ภูตคาม และติณชาติที่ใช้เข้ายา ป่าไม้ใหญ่ ย่อมเฉาเ...่ยวแห้ง เป็นอยู่ไม่ได้ ฉันใด สังขารก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม นี้เป็นกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง"

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์ดวงที่ 2 ปรากฏ เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ 2 ปรากฏ แม่น้ำลำคลองทั้งหมด ย่อมงวดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด สังขารก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง ควรหลุดพ้น"

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์ดวงที่ 3 ปรากฏ เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ 3 ปรากฏ แม่น้ำสายใหญ่ๆ คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ ทั้งหมดย่อมงวดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง ควรหลุดพ้น"

เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว หรือสึนามินั้นไม่ได้ครึ่งหนึ่งของการแตกดับของจักรวาลเลยทีเดียว แต่ก็เป็นสัญญาณเตือน เช่น ในยุคที่กิเลสตระกูลราคะ หรือโลภะมาก จะเหนี่ยวนำให้เกิดฝนกรด คือเมื่อความโลภในผลของธุรกิจมากปล่อยแก๊ซเสียออกสู่บรรยากาศ ฝนตกลงมาก็มีกรดติดมาด้วย นี่เป็นสัญญาณเตือนที่ประมาทไม่ได้เลย


เครดิต : http://www.dmc.tv/index.php


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-10-08 02:59:06
alhahah

Jomyung
#2
08-10-2011 - 02:55:30

#2 Jomyung  [ 08-10-2011 - 02:55:30 ]




ส่วนนี้เป็น"....ก๊อบมาจากคนอื่นนะคะ :))

เอามาให้อ่านดูค่ะ!! <<< เริ่มเครียดแร้วเรา จ.เราเริ่มน้ำท่วมแร้วว T=T






"ด้วยความสงสัยของผมว่าทำไม 2012 จะมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน
บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจาเหตุโลกร้อน
บางแหล่งก็อ้างไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา

แต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อมเกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้
และถ้าเกิดขึ้นก็จบ... ไม่เหมือนกับ LHC ที่กลัวโอกาสว่าจะเกิดหรือเปล่าเท่านั้น

เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาล
ถ้าใครได้พอดูความปี 2002 จะได้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อๆ
แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว
ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน
มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)




และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...
สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้

แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ...
ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น?

สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....

ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว
แต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้

แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ

ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย

เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับ
แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!



รูปนี้คือเส้นวงโคจรของดาวนิบิรุครับ

มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?

เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าทางเราส่องดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็น

แต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว

(เส้นขาวๆ คือลูกศรชี้ตำแหน่งดาวนิบิรุครับ)

และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะ
ครับ
แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...

แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละ
นักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อน

แต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูง
หรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตราย

เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ
เกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน เกิดพายุต่างๆ นา

และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA :Xปิดข่าว แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น

ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และ อุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!
(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

ปล. งานนี้ก้อถึงเวลาที่ธรรมชาติเลือกเราของแท้แล้วละนะครับ

ส่งต่อๆกันมานะครับ....มีแถมให้หน่อย
อย่างที่รู้ๆกันว่า ดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า นิบิรุ จะโคจรเข้ามาใกล้โลก ซึ่งมีผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ใครมีความรู้ดีๆเรื่องมั้ง มาคุยกันดีกว่าเนอะ (ก่อนหน้านั้นเผลอปิดกระทู้ไป -*-)ดาวนิบิรุ (Planet X Nibiru)สันนิฐานว่าถูกดวงอาทิตย์จับไว้เมื่อ 500,000 ปีก่อน
ก่อนและหลังจากการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กโลก
ผลกระทบ (เท่าที่รู้มา)
เนื่องจากมันเป็นดาวฤกษ์ ซึ่งถ้ามันโคจรเข้าใกล้ๆวงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็สร้างความปั่นป่วนได้แล้ว (ปัจจุบัน ดาวยูเรนัสกับเนสจูนโดนเป็นประจำ) และวิถีโคจรของมันโดยองค์กรนาซ่าบอกว่า...จะโคจรเข้า มาใกล้มาๆและมันจะโคจรเข้าเป็นเส้นตรงพอดีในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 (ช่วงจบกึ่งกลางพุทธกาลพอดี) ก็คือ ดวงอาทิตย์ โลก และนิบิรุ อยู่ในระนาบเดียวกันพอดี วันนั้นจะเป็นวันวิบัติซึ่งจะมีผลดังนี้

1.สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า
2.น้ำจะขึ้นสูงมากๆจนเกิดวิกฤติการ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลกหรือซุปเปอร์ซึนามิ
3.แผ่นดินไหวและภูเขาไฟไปทั่วโลก
4.ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
5.การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
6.ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
7.สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
8.กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใ กล้โลกได้ง่ายขึ้น
9.แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (มนุษย์น่าจะกระโดดได้สูงขึ้นกว่าเดิม)


ไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่กี่เดือน เราจะเจอพายุสุริยะเข้าอย่างจัง ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่า สนามแม่เหล็กโลกช่วยป้องกันไม่ให้มันมีผลกระทบมากนัก เมื่อไม่มีก็วิบัติ มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือชนเผ่ามายาหรือมายันนี่เอง พวกเขาได้ทำปฏิทินไว้สองแบบก็คือ

แบบที่หนึ่ง สามารถเทียบเคียงได้กับปฏิทินจริงที่เราใช้กันในปัจจุบัน และมีความคลาดเคลื่อนกันน้อยมาก
แบบที่สอง คือปฏิทินที่ข้างบนๆได้กล่าวไว้ (หมายถึงมีถึงแค่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012)
เรื่องราวต่างเป็นที่รู้ดีกันนานแล้วในวงการแต่เรื่องผลกระทบต่างๆเป็นแค่การคาดการ์ณลาวงหน้าเท่านั้น.....
แต่ที่แน่ๆเรามีภาพเหตุการ์ณนั้นมาให้ดูว่าจะเกิดเหตุการณ์ประมาณไหนในปี 2012 เขาทำมาเป็นหนังทุนสร้างสูงเรื่องยิ่งใหญ่เรื่อง"

เครดิต : palungjit.com


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-10-08 02:56:01
boynextza

Jomyung
#3
08-10-2011 - 03:00:04

#3 Jomyung  [ 08-10-2011 - 03:00:04 ]




=o= อ่าน แต่ไม่เม้นท์

มนุษย์หนอออออ ......


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-10-08 03:00:26

Jomyung
#4
08-10-2011 - 03:11:48

#4 Jomyung  [ 08-10-2011 - 03:11:48 ]




=o=; น่าเศร้า"....เสียกำลังใจเรย


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-10-08 03:12:09
pluem211240

bomthai1
#5
08-10-2011 - 03:23:20

#5 bomthai1  [ 08-10-2011 - 03:23:20 ]




แล้วแต่ความเชื่อ ผม เชื่อ แต่ ผม ไม่คิกว่าโลกจะแตก เพราะ คนเราต้องใช้เวรใช้กรรม ไป อีก หลาย ชั่ว อายุ คน อ่ะ


Tong43
#6
08-10-2011 - 07:04:09

#6 Tong43  [ 08-10-2011 - 07:04:09 ]





quote : bomthai1

แล้วแต่ความเชื่อ ผม เชื่อ แต่ ผม ไม่คิกว่าโลกจะแตก เพราะ คนเราต้องใช้เวรใช้กรรม ไป อีก หลาย ชั่ว อายุ คน อ่ะ


ใช่แล้ว เพราะแม่ผมบอกไว้อย่างงั้น ว่าเราเกิืดมาเพื่อชดใช้กรรม ^ ^



It's been a while...
monajung1827
#7
08-10-2011 - 07:57:49

#7 monajung1827  [ 08-10-2011 - 07:57:49 ]






ยังไงก็ต้องตายอยู่ดีน่ะแหล่ะ ____''*
โลกมันอาจจะน้ำท่วมจริงๆแต่คงไม่ใช่แบบสึนามิ
เมื่อก่อนโลกเรามันก็เคยเป็นทะเลมาก่อนน่ะแหละโดนสึนามิตั้งหลายครั้ง (ล้ะมั้ง 'มั่วสุดๆ')
เพราะเคยไปเที่ยวบนภูเขา เจอ ".เปลือกหอย." ที่อยู่ที่ทะเลเลยอ่ะค่ะ
แต่มันก็ไม่แน่นะอาจจะเกิด เวรใครเวรมัน .

On_line

faiucenter
#8
08-10-2011 - 08:50:22

#8 faiucenter  [ 08-10-2011 - 08:50:22 ]




ตอนแรกก็กลัวอยู่เหมือนกัน แต่ถึงโลกไม่แตก ก็ต้องแก่ตายสักวันนั่นแหละค่ะ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2011-10-08 08:50:38

NuMook
#9
08-10-2011 - 08:55:49

#9 NuMook  [ 08-10-2011 - 08:55:49 ]






คิดว่าจริงแล่วหล่ะค่ะ
ตอนนี้นํ้ากำลังจะท่วม ส่วนไฟยังไม่รู้


เมื่อก่อนที่มีข่าวออกมา ว่า 2011 โลกจะแตก ก็ไม่ค่อยจะเชื่อ

มาถึงตอนนี้แล้ว........คงน่าจะเป็นไปได้แล้วหละมั้งคะ


The bloody
#10
08-10-2011 - 10:59:36

#10 The bloody  [ 08-10-2011 - 10:59:36 ]




กลัวๆอยู่เหมือนกันแ่ต่คิดว่าคนเราก้ต้องมีเกิดมีตายมั่งอะ


Pornpun
#11
08-10-2011 - 11:08:19

#11 Pornpun  [ 08-10-2011 - 11:08:19 ]







.
honey_pie55
#12
08-10-2011 - 11:16:04

#12 honey_pie55  [ 08-10-2011 - 11:16:04 ]






gapgap789
#13
08-10-2011 - 11:19:26

#13 gapgap789  [ 08-10-2011 - 11:19:26 ]





ตายแหงๆ



รัก TTS3
inkartyuai
#14
08-10-2011 - 11:25:19

#14 inkartyuai  [ 08-10-2011 - 11:25:19 ]




2012ตามจริงแล้วไม่ใช่วันสิ้นโลกค่ะแต่เป็นการเกิดโลกใหม่
ส่วนจะเกิดหรือไม่เกิดนั้นไม่มีใครรู้ได้ค่ะเราไม่ควรไปเต้นตามมันหาวีธีรับมือกับมันดีที่สุดค่ะ
อันนี้คือในความคิดของเรานะคะ

BallYzCluB
On_line

momoza123
#15
08-10-2011 - 11:29:28

#15 momoza123  [ 08-10-2011 - 11:29:28 ]





เราคิดว่ามันใกล้ความจริงขึ้นทุกวัน ทุกวันนะค่ะ

ตอนนี้ เขื่อนที่บ้านเรา ก็แตกไป 1 เขื่อนแล้ว เหลืออีก 1 เขื่อน เขื่อนที่ยังไม่แตก ก็ใกล้แล้วละค่ะ

ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ เมื่อวันก่อน ข่าวออกว่า น้ำท่วมก็ยังมีคนใจบาป ไปตัดต้นไม้

ก็งี้ แหละค่ะ สาเหตุ ถ้าน้ำจะท่วมโลก ก็ความผิดมนุษย์ทั้งนั้นแหละค่ะ !



SV
Jomyung
#16
08-10-2011 - 12:30:18

#16 Jomyung  [ 08-10-2011 - 12:30:18 ]




quote : Tong43

quote : bomthai1

แล้วแต่ความเชื่อ ผม เชื่อ แต่ ผม ไม่คิกว่าโลกจะแตก เพราะ คนเราต้องใช้เวรใช้กรรม ไป อีก หลาย ชั่ว อายุ คน อ่ะ


ใช่แล้ว เพราะแม่ผมบอกไว้อย่างงั้น ว่าเราเกิืดมาเพื่อชดใช้กรรม ^ ^



เราก็เห็นด้วยอย่างนั้นนะคะ แต่ว่านี่อาจเป็นการใช้กรรมของพวกมนุษย์อย่างเราอีกกรรมนึงก็ได้



Jomyung
#17
08-10-2011 - 12:31:57

#17 Jomyung  [ 08-10-2011 - 12:31:57 ]




quote : momoza123

เราคิดว่ามันใกล้ความจริงขึ้นทุกวัน ทุกวันนะค่ะ

ตอนนี้ เขื่อนที่บ้านเรา ก็แตกไป 1 เขื่อนแล้ว เหลืออีก 1 เขื่อน เขื่อนที่ยังไม่แตก ก็ใกล้แล้วละค่ะ

ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ เมื่อวันก่อน ข่าวออกว่า น้ำท่วมก็ยังมีคนใจบาป ไปตัดต้นไม้

ก็งี้ แหละค่ะ สาเหตุ ถ้าน้ำจะท่วมโลก ก็ความผิดมนุษย์ทั้งนั้นแหละค่ะ !




ใช่แร้วววค่ะ ใกล้ความจริง TT อีกเขื่อที่ว่าเขื่อไรคะ

ใช่เขื่อนภูมิพลป่าวหว่า?? >>> บ้านชั้นอยู่ที่นั้นนน อ๊ากกก


Jomyung
#18
08-10-2011 - 12:32:34

#18 Jomyung  [ 08-10-2011 - 12:32:34 ]




quote : The bloody

กลัวๆอยู่เหมือนกันแ่ต่คิดว่าคนเราก้ต้องมีเกิดมีตายมั่งอะ



เห็นด้วยเรยค่ะ


Jomyung
#19
08-10-2011 - 12:33:32

#19 Jomyung  [ 08-10-2011 - 12:33:32 ]




quote : NuMook

คิดว่าจริงแล่วหล่ะค่ะ
ตอนนี้นํ้ากำลังจะท่วม ส่วนไฟยังไม่รู้


เมื่อก่อนที่มีข่าวออกมา ว่า 2011 โลกจะแตก ก็ไม่ค่อยจะเชื่อ

มาถึงตอนนี้แล้ว........คงน่าจะเป็นไปได้แล้วหละมั้งคะ





เราเชื่อ แต่ก็ไม่เชื่อ อิอิ คือหลอกตัวเองนั่นแหล่ะค่ะ ^^


Jomyung
#20
08-10-2011 - 12:34:29

#20 Jomyung  [ 08-10-2011 - 12:34:29 ]




quote : monajung1827

ยังไงก็ต้องตายอยู่ดีน่ะแหล่ะ ____''*
โลกมันอาจจะน้ำท่วมจริงๆแต่คงไม่ใช่แบบสึนามิ
เมื่อก่อนโลกเรามันก็เคยเป็นทะเลมาก่อนน่ะแหละโดนสึนามิตั้งหลายครั้ง (ล้ะมั้ง 'มั่วสุดๆ')
เพราะเคยไปเที่ยวบนภูเขา เจอ ".เปลือกหอย." ที่อยู่ที่ทะเลเลยอ่ะค่ะ
แต่มันก็ไม่แน่นะอาจจะเกิด เวรใครเวรมัน .





โอ้วความรุใหม่เรยนะคะเนียเรื่องเลือกหอย บนภูเขา :)) ขอบคุณค่ะ แหะๆ

monajung1827


ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ