โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ
รวมเรื่องลึกลับ ตำนาน และความหลอน [เลิกอัพกระทู้นี้ถาวร]
Nebula Eva
#21
20-02-2012 - 23:59:06

#21 Nebula Eva  [ 20-02-2012 - 23:59:06 ]





quote :
ต่อด้วยประวัติของเรื่องนี้กันดีกว่าเนอะ หามาให้อ่านโดยเฉพาะนะเนี่ย


อาถรรพ์มนต์ดำ

ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับมนต์ดำ เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงประเทศมาเลเซียด้วยเช่นกัน เนื่องจากมาเลเซียเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้มนต์ดำกันอย่างแพร่หลาย และที่สำคัญหลายคนต่างเชื่อว่ามนต์ดำแห่งดินแดนมลายูนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก แต่คงจะไม่มีใครเคยคาดคิดเลยกระมังว่า ในทางกลับกัน อำนาจแห่งมนต์ดำนั้น ยังสามารถย้อนกลับเข้าหาตัวผู้กระทำ และผลของมันก็ใหญ่หลวงเกินกว่าที่ใครจะต้านทานได้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่นครกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย โดยผู้ที่จุดชนวนแห่งเรื่องลี้ลับเหล่านี้ก็คือ อิลซา อับดุลลาห์ ลูกสาวของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในประเทศมาเลเซีย สาเหตุที่เธอต้องพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับอำนาจของเวทมนตร์คาถา

ก็เนื่องมาจากในช่วงปลายปี 1998 อิลซาเริ่มระแคะระคายมาว่า เพื่อนชายคนที่เธอกำลังคบหา และวางแผนว่าจะแต่งงานด้วยนั้น กำลังปันใจไปให้คนอื่น อิลซาจึงเดินทางไปหาร่างทรงที่มีชื่อคนหนึ่ง ซึ่งพักอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศมาเลเซีย และขอให้เขาทำเสน่ห์เพื่อเรียกให้ชายคนรักของเธอกลับมา โดยในครั้งนั้นเธอโกหกร่างทรงไปว่า พ่อแม่ของชายคนรักพยายามกีดกันไม่ให้เธอกับคนรักคบหากัน แต่เมื่อร่างทรงคนนั้นได้นั่งทางในดู เขาก็รู้ในทันทีว่า ไม่เป็นความจริง แต่ด้วยความที่ต้องการรักษาลูกค้า ร่างทรงคนนั้นจึงช่วยทำพิธีให้กับอิลซา พิธีการเริ่มจากการนำหมากดิบมาห่อด้วยใบพลู แล้วก็เริ่มทำการปลุกเสก ด้วยการให้อิลซาถือไปยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำและท่องคาถาตามที่จดไว้ให้จนจบบท

จากนั้นร่างทรงก็นำหมากดิบมาผ่าครึ่งออกจากกัน แล้วให้อิลซานำซีกหนึ่งมาเคี้ยวและกลืนลงคอ ส่วนอีกซีกที่เหลือ ร่างทรงได้นำห่อผ้าขาวและโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ โดยร่างทรงบอกว่า การทำเช่นนั้น นอกจากจะเป็นการดึงให้คนรักกลับมาหาเธอแล้ว ตราบใดที่หมากทั้งสองซีกนั้นไม่สามารถมาประกบกันได้เหมือนเดิม ตราบนั้นก็จะไม่มีใครมาขัดขวางความรักของเธอได้อีกเลย หลังจากทำพิธีเสร็จ อิลซาได้มอบเงินให้กับร่างทรงคนนั้นเป็นจำนวนมาก แต่ก่อนกลับร่างทรงได้ขอให้อิลซาสัญญากับเขาข้อหนึ่ง ก็คือ เธอจะต้องรักและภักดีต่อชายคนรักตลอดไป หากวันใดที่เธอคิดทรยศต่อเขา อำนาจแห่งมนต์ดำจะทำให้เธอต้องประสบแต่เคราะห์ร้าย ซึ่งตอนนั้นอิลซาก็รีบรับปาก เพราะเธอเชื่อว่า ตัวเองจะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากชายคนรักอย่างแน่นอน

ปรากฏว่าเมื่ออิลซากลับจากการทำพิธีมาอยู่บ้านได้ไม่ถึง 2 วัน ราชิด ชายคนรักของเธอได้กลับมาขอคืนดีพร้อมกับสารภาพผิดในสิ่งที่เขาได้ทำกับเธอไว้ และสัญญาว่าเขาจะจงรักภักดีต่ออิลซาเพียงคนเดียว สร้างความดีใจให้กับอิลซาเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกว่าการเดินทางไปหาร่างทรงในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้เธอเสียเปล่าเลย อีก 2 ปีต่อมา อิลซากับราชิดก็เข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ทั้งคู่ครองรักด้วยกันได้ไม่นาน จู่ๆราชิดก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน อิลซาต้องพาเขาไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลที่มีชื่อของกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่อาการของเขากลับไม่ดีขึ้นเลย ร่างกายที่เคยกำยำของราชิดเริ่มเปลี่ยนเป็นซูบเซียวเหมือนคนใกล้ตาย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขายังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งทำให้ภาระทั้งหมดตกเป็นของอิลซา ที่ต้องคอยปรนนิบัติดูแลสามีแต่เพียงผู้เดียว

ในระยะแรกอิลซาก็ยังทำหน้าที่ของภรรยาได้เป็นอย่างดี แต่พอนานเข้าเธอก็เริ่มหวนคิดถึงความสนุกของชีวิต ซึ่งเธอเคยได้รับเมื่อสมัยที่ราชิดยังไม่เจ็บหนักขนาดนี้ เธอจึงเริ่มหันกลับไปเที่ยวเตร่กับเพื่อนฝูงเหมือนที่เคยทำ และปล่อยให้หน้าที่พยาบาลสามีตกเป็นของสาวใช้ซึ่งเธอจ้างมาดูแลเขาเป็นพิเศษ อิลซาเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอิสระเสรีอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจใยดีสามีที่นอนป่วยอยู่เลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าการที่เธอทำเช่นนี้ จะเท่ากับว่าเธอกำลังทรยศต่อสามี และทำผิดต่อคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับร่างทรงคนนั้น อย่างไรก็ตาม อิลซาก็ยังไม่รู้ตัวว่าได้กระทำผิดร้ายแรงลงไปแล้ว

จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เธอก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งกำลังสวดมนต์ อยู่ข้างๆหูเธอ ซึ่งบทสวดดังกล่าวมันช่างเหมือนกับคาถาที่ร่างทรงเคยให้เธอท่อง เมื่อครั้งที่ประกอบพิธีทำเสน่ห์ไม่มีผิดเพี้ยน อิลซาไม่สามารถทนนอนหลับต่อไปได้ เพราะเสียงบทสวดดังกล่าวมันดังก้องไปทั่วโสตประสาทของเธอ จนแก้วหูเธอแทบแตก อิลซาจึงรีบวิ่งออกมาจากห้อง ตรงไปหาราชิดซึ่งนอนอยู่อีกห้องหนึ่งทันที ในตอนนั้นเธอหวังเพียงว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครสักคนหนึ่ง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวเข้าไปในห้องของราชิด จู่ๆก็มีร่างดำทะมึนของชายคนหนึ่งมาขวางหน้าเธอไว้ ชายคนนั้นหน้าตาช่างเหมือนกับราชิด สามีของเธอมาก เพียงแต่รูปร่างและสีผิวแตกต่างกัน

อิลซาถึงกับตกใจและทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่ชายร่างดำทะมึนคนนั้นก็จ้องมองมาที่เธอ พร้อมกับยกมือขึ้นพนมไว้แนบอกแล้วก็ท่องบทสวดอะไรสักอย่างที่เธอฟังไม่ออก เพียงไม่กี่นาที รอบๆตัวของชายคนนั้นก็มีสัตว์เลื้อยคลานหลายร้อยตัวโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น งู ตะขาบ แมงป่อง ซึ่งล้วนแต่เป็นสัตว์มีพิษด้วยกันทั้งนั้น อิลซารู้ในทันทีว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะชายร่างดำทะมึนคนดังกล่าวกำลังท่องบทสวดมนต์อะไรสักอย่าง ซึ่งสามารถบังคับให้สัตว์เลื้อยคลานเหล่านั้น เดินตรงเข้ามายังบริเวณที่เธอยืนอยู่ได้ แต่ยังไม่ทันที่อิลซาจะรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เธอก็เป็นลมหมดสติแน่นิ่งลงไปกองอยู่กับพื้น
และทันทีที่เธอฟื้นขึ้นมา

ก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง เธอจึงพยายามจะร้องเรียกหาใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ในขณะที่เธอกำลังชันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง พร้อมกับหันไปมองรอบๆห้องนั้น เธอก็ต้องตกตะลึงจนแทบช็อค เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงของเธอในตอนนั้น กลับเป็น ราชิด สามีของเธอนั่นเอง แต่สภาพของราชิดกลับไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเขาดูอุดมสมบูรณ์เหมือนกับคนที่มีสุขภาพดีทั่วๆไป ในขณะเดียวกัน สายตาของเขาที่จ้องมองมายังเธอ มันก็ช่างเหมือนกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันเลยแม้แต่น้อย ราชิดไม่ได้พูดอะไรกับเธอ เขาเพียงแต่ยิ้มให้ แล้วก็เดินออกจากห้องไป ในขณะที่อิลซายังคงมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า และพยายามเอื้อมมือไปจับตัวเขาไว้ แต่เธอกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้เลย

ต่อมาศาลของมาเลซีย ก็พิพากษาให้อิลซากลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ และมอบหมายให้ราชิด สามีของเธอเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ส่งผลให้ราชิดกลายเป็นบุคคลที่มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่งของมาเลเซียไปในทันที ท่ามกลางความสงสัยของใครหลายต่อหลายคน แต่ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่แท้จริงได้ นอกจากอิลซาคนเดียวเท่านั้น แต่ต่อมาอิลซาก็ได้หายหน้าไปจากวงสังคม และไม่มีใครได้ทราบข่าวคราวของเธออีกเลย………...

เครดิต : http://www.showded.com/myprofile/mainblog.php?user=ma_madee&jnId=6832



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#22
เด็กซ่าบ้านแสบ
21-02-2012 - 00:01:01

#22 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 21-02-2012 - 00:01:01 ]








Nebula Eva
#23
21-02-2012 - 00:06:21

#23 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 00:06:21 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ




เข้ามาใส่อีโมผวานี่ได้อ่านมั่งไหมเนี่ย



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#24
21-02-2012 - 18:17:47

#24 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 18:17:47 ]





10 ตำนานเรื่องเล่าลึกลับที่น่าขนหัวลุก2

(เนื่องจากไฟล์ภาพเสียจึงไม่มีภาพ)



10.The Automatic 4.0
เป็นหนึ่งในตำนานเมืองที่เป็นเรื่องเล่าของมหาวิทยาลัยเขตตั้งแต่ปี 1970 และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีย์อเมริกาเรื่อง Dead Man on Campus 1998 (ภาพยนตร์ห่วยได้คะแนน 15% ของมะเขือเทศเน่า) โดยเล่ากันว่าหากในโรงเรียนหรือมหาลัยแห่งใดมีเด็กนักเรียนเพื่อนร่วมฆ่าตัว ตายปัจุบันทันด่วน จะได้รับเกรดเฉลี่ย 4.0 ของภาคเรียนการศึกษาโดยอัตโนมัติทันที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการปลิดชีพของวิทยาลัย(ใจดีพิลึก) ตำนานนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในเวลาต่อมาเช่นเกิดฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ แต่ยึดหลักพื้นฐานของเพื่อนร่วมห้องตาย= เกรดดีทั้งหมด(หมายถึงเกรด A นะไม่ใช้ D) แน่นอนเรื่องนี้ไม่เป็นจริงแน่นอนและเชื่อว่าที่มานั้นมาจากการเล่าเล่นๆเอา ตลกของนักศึกษา

9.Mr. Rogers Was a Navy Seal
เฟร็ดโร เจอร์ส(1928-2003) เป็นชาวอเมริกันนักแต่งเพลงและผู้จัดรายการโทรทัศน์ Mister Rogers' Neighborhood รายการเด็กที่ฮิตในช่วง 1968-2001 ด้วยบุคลิกเป็นคนอ่อนโยนเสียงเบาอ่อนหนุ่มและความตรงไปตรงมาทำให้หลายคนต่าง ติดใจรายการของเขา และเขาพยายามเรียกร้องรัฐบาลให้สนับสนุนรายการเด็กมากกว่าจะไปทำสงคราม เวียดนาม โดยจุดเด่นของเขาก็คือการรวมเสื้อแขนยาวสีแดงแล้วไปปรากฏตัวในรายการ โทรทัศน์อยู่เสมอ และเนื่องด้วยช่วงที่เขาทำรายการเป็นช่วงสงครามเวียดนามพอดี จึงข่าวลือว่าเขาเป็นเครื่องจักรสงหารในสงครามเวียดนาม ที่ว่ากันว่าเขาฆ่าพวกเวียดกงเป็นจำนวนมาก สามารถฆ่าคนด้วยมือเปล่า จนเขามีบาดแผลเต็มตัวจนต้องสวมเสื้อแขนยาวปกปิดบาดแผลและปกปิดรอยสักสุดโหด นี้เอาไว้แม้ว่าอากาศจะร้องเพียงใดก็ตามซึ่งข่าวลือนี้ไม่เป็นจริงเพราะ ประวัติเขาเปิดเผยแล้วว่าเขาไม่เคยทำหน้าที่ทางการทหารใดๆ มาก่อนเลย หากข่าวลือก็เริ่มขึ้นอีก ในปี 1990 ว่าเขาเป็นทหารในสงครามเกาหลี

8.Bloody Mary
บลัดดี้ แมรี่ เป็นผีหรือแม่มด เป็นตำนานพื้นบ้าน(ช่วงปี 1970) ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นพิธีที่มักทำเล่นกันในห้องน้ำที่มืดๆ โดยการเรียกเธอสามครั้ง(หรือหลายครั้ง แต่ความเชื่อปัจจุบันบอก 13 ครั้ง)และความเชื่อนี้พิธีกรรมการละเล่นหลายแบบ แต่โดยรวมๆ คือต้องเข้าไปในห้องน้ำ ปิดไฟและยืนกระจกในที่มืด และเรียกชื่อของเธอสามครั้ง แต่ตอนนี้จะต่างตรงที่อาจมีอะไรเสริมเข้ามา เช่นต้องสวดมนต์ร้อยครั้ง. ต้องเที่ยงคืน, น้ำไหล, ใช้เทียนไข และแมรี่จะปรากฏในกระจกเป็นผีผู้หญิงลางๆ บางทีกระจกจะกลายเป็นสีแดง หรือมีเสียงกรีดร้อง โดยประวัติของแมรี่นั้นค่อนข้างหลากหลายบางคนบอกว่าเธอเป็นแม่มด, หญิงที่สูญเสียลูกจนต้องฆ่าตัวตาย หรือเป็นฆาตกร เป็นต้นและตำนานของเธอก็ถูกดัดแปลงมากมาย เช่น เป็นพิธีทดสอบความกล้าหากยอมแพ้แมรี่จะเอาชีวิต หรือเป็นรูปแบบพยากรณ์อย่างเช่นปอกแอปเปิลหน้ากระจกตอนเที่ยงคืน ร้องเพลงในคืนพิเศษแล้วมองผ่านกระจกอย่างเร็วๆจะเห็นหน้าของเนื้อคู่ลางๆ เป็นต้น

7.JFK and the Jelly Doughnut Speech
Ich bin ein Berliner เป็นมุกตลกของชาวอเมริกันและเยอรมัน และถูกนำไปแพร่หลายในอินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ส่วนไทยเรานำประโยคนี้มาใช้สอนภาษาอย่างสนุกสนาน
มุก Ich bin ein Berliner นั้นมาจากประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนนาดี้ ที่ไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าฝูงชนใจกลางกรุงเบอร์ลินตะวันตกในช่วงสงครามเย็น เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 1963 เขาได้ขึ้นไปตึกที่ทำการเทสบาลและพูดประโยคสุดแสนคลาสสิกภาษาเยอรมันต่อหน้า ประชาชนชาวเยอรมันที่อยู่ที่นั่นว่า"Ich bin ein Berliner." ซึ่งแปลว่า " ผมเป็นชาวเบอร์ลิน" เพื่อแสดงเจตจำนงในการเผชิญหน้ากับสหภาพโซเวียต หากแต่กระนั้นประโยคนี้มันมีอีกความหมายหนึ่ง เนื่องจากคำว่า Berliner เป็นชื่อขนมของเยอรมัน ที่มีลักษณะคล้ายโดนัท ดังนั้นชาวเยอรมันหลายคนจึงเขาใจประโยคนี้ว่า “ผมเป็นโดนัท” และจากนั้นเป็นต้องมามุกนี้ก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายที่เยอรมันและสหรัฐ อเมริกา(โดยการใช้คำว่าเบอร์ลินสองความหมายให้เข้าใจต่างกัน)

6.Cokelore
โค้ก หรือ โคคา โคล่า เครื่องดื่มยอดนิยมที่มีการเขียนถึงมันหลายครั้งแล้วและหลายปีที่ผ่านมาเรื่อง ราวของมันถูกเล่าขานเป็นตำนานความเชื่อมากมาย โดยตำนานที่มีชื่อเสียงก็เช่นหากกินขนม Pop Rocks(ขนมที่เป็นเม็ดๆ กินแล้วซ่าและเปรี้ยวในปาก)พร้อมโค้กจะทำให้กระเพาะอาหารพังได้ หรืออีกตำนานเล่าว่าโค้กจะทำให้ฟันผุเนื่องจากกรดโวดาละลายฟัน หรือว่าโค้กมีส่วนผสมของโคเคนซึ่งเป็นยาเสพย์ติดต้องห้ามซึ่งเรื่องโคเคนนี้ เป็นจริงและมันได้สร้างภาพลบของโค้กต่อเนื่อง จนกระทั้งมีการเปลี่ยนสูตรใหม่ในเวลาต่อมา นอกจากนี้ในอินเตอร์เน็ตโค้กถูกนำอ้างว่าเป็นเครื่องดื่มที่สามารถทำลาย กระเพาะและอวัยวะภายในของคุณได้ โดยใจความบอกว่าถ้าคุณวางT-boneสเต็กในชามมันจะละลายเมื่อเวลาผ่านไป 2 วัน เพราะโค้กมีค่าความเป็นกรดด่างถึง pHอยู่ 2.8 มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน4วัน(เรื่องนี้ไม่เป็น ความจริง เพราะpHของโค้กมีค่า 2.5 ซึ่งใกล้เคียงกับมะนาว หรือ เลมอน มีค่าpH2.4 หรือ ส้ม มีค่าpH3.5)

5.The Good Samaritan
ชาวสะมาริตันผู้ใจดีเป็นเรื่องราวที่ปรากฏในไบเบิ้ลที่เล่าถึงชายที่มีน้ำใจรักษา คนบาดเจ็บจากคนปล้นระหว่างทาง และคำนี้ก็ได้กลายเป็นตำนานของชาวอเมริกันที่เล่าถึงคนรวยปลอมตัวเป็นคนจน หรือแกล้งทำเป็นเดือดร้อนรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือและตอบแทนแก่ผู้ช่วยเหลือ เหล่านั้นด้วยรางวัลที่มีค่าอย่างมหาศาล โดยส่วนมากตำนานจะเอาคนดังที่ปลอมตัวเป็นคนจน เช่นบิลล์ เกตส์ หรือ แนท คิง โคล(นักเปียโน, นักแต่งเพลงและนักร้องเพลงแจ๊ซชาวอเมริกัน) โดยพวกเขาจะทำเป็นรถเสียและรอให้คนมาเปลี่ยนยางให้ หากมีคนมาช่วยพวกเขาจะขอที่อยู่ของเพื่อส่งรางวัลไปให้ และไม่กี่สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พัสดุว่าเขาได้รับเงิน 10,000 ดอลลาร์ พร้อมกับลงนามผู้ส่งเป็นชื่อบุคคลดัง อีกตำนานอาจมีการดัดแปลงเช่นผู้ขอความช่วยเหลืออาจเป็นกษัตริย์หรือเจ้าหญิง ประเทศใดประเทศหนึ่งปลอมตัวมาเพื่อขอความเชื่อเหลือ และคำว่าชาวสะมาริตันผู้ใจดีนี้เป็นคำที่โดนใจคนอเมริกันที่สุด เป็นคำที่สื่อมวลชนชอบใช้ ค่าที่มันจับจิสร้างจินตนาการให้ผู้อ่านผู้ฟังมากที่สุดคำหนึ่ง และมักถูกใช้เป็นชื่อของสมาคม คลินิก บ้านพักผู้ยากไร้ในที่ต่าง ๆ

4.Walt Disney Is Cryogenically Frozen
เคยดูภาพยนตร์ซีรีย์เรื่องหนึ่งใน CN ไหม ที่เด็กชายคนหนึ่งได้รับอุบัติเหตุจนต้องมีการผ่าตัดเปลี่ยนสมอง โดยสมองที่มาเปลี่ยนนั้นเป็นสมองเจ้าของสวนสนุกที่นำถูกนำมาแช่เย็นเก็บ รักษาเอาไว้ และเมื่อทำการเปลี่ยนเขาก็พบว่าเขาสามารถเห็นตัวการ์ตูนในจินตนาการที่มีแต่ เขาที่มองเห็นได้
เรื่องนี้มาจากเรื่องเล่าในตำนานของวอลต์ ดิสนีย์ ผู้กำเนิดมิกกี้เมาส์และพรรคพวก โดยมีเรื่องเล่าของเขาว่าเป็นหลังเขาตาย ได้มีคนนำศพของเขา(หรือสมองของเขา)แช่แข็งไว้ด้วยเทคโนโลยี Cryonics ด้วยความหวังว่าเทคโนโลยีในอนาคตจะสามารถนำเขากลับมามีชีวิตได้ โดยที่มาของตำนานนี้มาจากวันที่เขาตายเมื่อปี 1966 ไม่มีงานศพ(มีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าเขาร้องขอไม่ให้มีงานศพ) ไม่เปิดเผยสาเหตุการตาย(มีการเปิดเผยความจริงในเวลาต่อมาว่าเขาตายด้วยโรค มะเร็งปอด) อีกทั้งด้วยความมีชื่อเสียงและนักประดิษฐ์เขาชอบเรื่องไซไฟ นำไปสู่การสร้างตำนานอันยาวนานนี้

3.The Sewer Alligator
จระเข้ในท่อระบายน้ำ เป็นเรื่องเล่าที่โด่งดังในปี 1920 และ 1930 โดยเป็นเรื่องของจระเข้ที่อาศัยในท่อระบายน้ำแห่งมหานครนิวยอร์ก โดยเรื่องเล่านี้เล่าสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย และไม่ปรากฏแห่งที่มา โดยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครอบครัวหนึ่งรวยมากกลับมาจากการพักร้อนในฟลอริดา และไม่สนใจกฎหมายในนิวยอร์ก พวกเขาได้ซื้อสัตว์เลี้ยงเป็นของขวัญให้เด็ก โดยเป็นจระเข้ และเลี้ยงมันในห้องน้ำ ปรากฏว่ามันโตขึ้นดุร้ายขึ้นจนพวกเขาเลี้ยงไม่ไหวและเกรงว่าจะเป็นอันตราย กับคนในครอบครัว พวกเขาเลยทิ้งมันในท่อระบายน้ำอุจจาระโดยทิ้งที่ท่อคอห่าน แต่ปรากฏว่ามันไม่ตายและรอดชีวิตจากการกินหนูและขยะ มันเจริญเติบโตจนมีขนาดใหญ่อย่างน่ากลัว และวันดีคืนดีมันจะโผล่หัวออกมาจากท่อระบายน้ำอุจจาระเข้ามางับหรือทำ อันตรายต่อผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา(นอกจากนี้มันยังมีเรื่องเล่าเสริมอีกว่ามัน เป็นจระเข้เผือกเพราะว่ามันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สัมผัสแสงแดด และสูญเสียการมองเห็น และบางที่ก็เล่าว่าเป้นจระเข้ที่หลุดออกจากสวนสัตว์) ในปี 1930 มีหนังสือพิมพ์ออกมาเขียนว่าพบจระเข้ในรอบนิวยอร์กและมีบางคนอ้างว่าเห็น ตำรวจเดินลงเข้าไปท่อระบายน้ำพร้อมอาวุธล่าสัตว์ แม้เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตามแต่กระนั้นท่อระบายน้ำในมหานครนิวยอร์ก ถือได้ว่าเป็นสถานทีน่ากลัวที่ไม่มีใครอยากลงไปอยู่ดี

2.The Vanishing Hitchhiker
เป็นหนึ่งในตำนานที่เก่าแก่ที่และฮิตที่สุดในช่วงปี 1981 ไม่เพียงแต่อเมริกาเท่านั้นยังเป็นหลายประเทศทั่วโลกด้วย อาจจะแตกต่างไปบ้างในบางพื้นที่ แต่ส่วนหลักๆ เหมือนกัน เกี่ยวกับผีผู้หญิงที่ชอบโบกรถ โดยเล่ากันว่าหากคืนมีคนกำลังขับรถในถนนที่ร้างผู้คน จู่ๆ เขาจะเห็นผู้หญิงสาววัยรุ่น กำลังโบกรถอยู่ข้างทางตามลำพัง เขาจึงแวะรับเธอขึ้นรถมาด้วย และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หญิงสาวต้องการ เมื่อเขาหันไปเพื่อบอกลาเธอ เธอก็หายตัวไปอย่างลึกลับจากเบาะหลัง ด้วยความสับสน เขาเลยกดออดที่หน้าบ้านของเธอ เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว ก็พบว่าหญิงสาวที่ว่านั้นได้รับอุบัติเหตุรถยนต์ตายก่อนหน้าแล้วที่จุดที่ เขารับเธอในขณะที่เธอพยายามกลับบ้าน ล่ะหญิงสาวที่เขาเจอก็คือผีนั่นเอง และเรื่องเล่านี้อาจมีหลายส่วนที่เปลี่ยนไปบ้าง เช่น กลางคืนที่ว่าอาจฝนตก และตัวหญิงสาวอาจตัวเปียกปอน เขาจึงให้เธอยืมเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้กับเธอและเมื่อถึงบ้านที่หมาย(บางที่ ก็เป็นสุสาน) เธอกลับหายไปพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ตของเขา ด้วยความข้องใจ ชายคนนั้นจึงลงจากรถไปเคาะประตูบ้านหลังนั้น ก็พบว่าเธอได้เมื่อ 10 ปีมาแล้ว และเมื่อวันรุ่นขึ้นเขาไปหลุมฝังศพของเธอก็พบเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาวางพับ ประณีตเรียบร้อยอยู่หน้าหลุมฝังศพของเธอ

1.The Kidney Heist
เป็นตำนานที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ โดยสมมุติว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1997 มีอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่น่ากลัวออกอาละวาดในเมือง โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวหรือนักเดินทางที่กำลังผ่อนคลายโดยไปที่ร้าน หรือบาร์เพื่อดื่มกินเครื่องดื่ม และระหว่างดื่มกินจะมีคนแปลกหน้ามาพูดคุยทำความสนิทสนมและคนแปลกหน้าจะเอา เครื่องดื่มให้เหยื่อคนนั้นดื่ม หลังจากนั้นเหยื่อคนนั้นจะเกิดอาการมึนงง และง่วงนอน จนหมดสติไป ก่อนที่จะตื่นขึ้นในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งที่ห้องพักโรงแรมหรือบ้าน ร่างแห่งหนึ่ง และมีโทรศัพท์อยู่ถัดไปและเมื่อเหยื่อโทร 911 แพทย์ก็มาถึงก็พบว่าที่ร่างกายของเหยื่อมีรอยผ่าตัดและตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าไตถูกขโมยไป และไตที่ว่านั้นได้ถูกนำไปขายในตลาดขายอวัยวะมืดในราคาแพงลิบลิ่ว และนี้คือตำนานเมืองที่หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจนถึงขั้นมีการร้อง เรียนต่อมูลนิธิไตแห่งชาติว่าควรตรวจสอบไตว่าไตไหนเป็นไตที่ถูกขโมยมา และเรื่องขโมยไตนี้ก็โด่งดังในประเทศไทยด้วย โดยเนื้อหาเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำการผ่าตัด และผู้ป่วยก็พบว่าไตหาย เป็นต้น

เครดิต :
http://www.toptenz.net/top-10-urban-legends-myths.php
http://www.museumofhoaxes.com/hoax/Hoaxipedia/Walt_Disney_Frozen/


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-03-01 21:43:24


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#25
เด็กซ่าบ้านแสบ
21-02-2012 - 18:19:50

#25 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 21-02-2012 - 18:19:50 ]






หลอนอ่า


Pepopammy
#26
21-02-2012 - 18:28:38

#26 Pepopammy  [ 21-02-2012 - 18:28:38 ]




พี่อย่าโพสต์อีกเลย หนูกลัวแล้ว แง้ ฮือๆ หลอนมากๆ อยู่คนเดียวด้วย



ただいま!
Nebula Eva
#27
21-02-2012 - 18:32:38

#27 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 18:32:38 ]





quote : Pepopammy

พี่อย่าโพสต์อีกเลย หนูกลัวแล้ว แง้ ฮือๆ หลอนมากๆ อยู่คนเดียวด้วย


อย่าอ่านตอนกลางคืนสิ พี่ก็อยู่คนเดียวนะ ไม่เห็นกลัว(แต่ถ้าเจอก็วิ่งเหมือนกัน)



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#28
เด็กซ่าบ้านแสบ
21-02-2012 - 18:35:28

#28 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 21-02-2012 - 18:35:28 ]






quote : Nebula Eva

quote : Pepopammy

พี่อย่าโพสต์อีกเลย หนูกลัวแล้ว แง้ ฮือๆ หลอนมากๆ อยู่คนเดียวด้วย


อย่าอ่านตอนกลางคืนสิ พี่ก็อยู่คนเดียวนะ ไม่เห็นกลัว(แต่ถ้าเจอก็วิ่งเหมือนกัน)

พวกนี้โสดคานเหล็กจริงๆแฮะ


Nebula Eva
#29
21-02-2012 - 18:37:48

#29 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 18:37:48 ]





quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

quote : Nebula Eva

quote : Pepopammy

พี่อย่าโพสต์อีกเลย หนูกลัวแล้ว แง้ ฮือๆ หลอนมากๆ อยู่คนเดียวด้วย


อย่าอ่านตอนกลางคืนสิ พี่ก็อยู่คนเดียวนะ ไม่เห็นกลัว(แต่ถ้าเจอก็วิ่งเหมือนกัน)

พวกนี้โสดคานเหล็กจริงๆแฮะ


ทำเป็นพูดดีไป หาของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยว่าชาวบ้าน



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
the sim 3 จ้าาาาาาา
#30
the sim 3 จ้าาาาาาา
21-02-2012 - 18:56:55

#30 the sim 3 จ้าาาาาาา  [ 21-02-2012 - 18:56:55 ]




คิคิ ของหวาน<<<มันไม่กลัวเลยหรือว่ะคนขนลุกกันมันดันหัวเราะ



~เลิศเลอ~
Nebula Eva
#31
21-02-2012 - 19:01:58

#31 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 19:01:58 ]





quote : the sim 3 จ้าาาาาาา

คิคิ ของหวาน<<<มันไม่กลัวเลยหรือว่ะคนขนลุกกันมันดันหัวเราะ


หึ หึ มีพวกเดียวกันแล้ว



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
ponza1144
#32
21-02-2012 - 19:05:10

#32 ponza1144  [ 21-02-2012 - 19:05:10 ]





มีแต่เรื่องน่าสนใจทั้งนั้น

ปล.เป็นคนชอบเรื่องสยองๆ



นานๆครั้งเข้ามาเว็ปที ชอบกินเนื้อมากกว่าผักอะผิดเร...
Nebula Eva
#33
21-02-2012 - 19:07:45

#33 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 19:07:45 ]





quote : ponza1144

มีแต่เรื่องน่าสนใจทั้งนั้น

ปล.เป็นคนชอบเรื่องสยองๆ



พวกเดียวกันสินะ




เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
alicza
#34
21-02-2012 - 19:20:50

#34 alicza  [ 21-02-2012 - 19:20:50 ]





เสียวหลัง ไม่น่ากลัวเท่าไร


Nebula Eva
#35
21-02-2012 - 19:23:06

#35 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 19:23:06 ]





quote : alicza

เสียวหลัง ไม่น่ากลัวเท่าไร


จริงดิ งั้นเดี๋ยวหาที่น่ากล้วกว่านี้มาให้ละกัน
(แอบโรคจิต)



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Nebula Eva
#36
21-02-2012 - 19:41:54

#36 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 19:41:54 ]





666 เลขอาถรรพ์



เขาว่ากันว่า หมายเลข 666 เป็นเลขที่อาถรรพ์ หรือหมายเลขของซาตาน ลองคิดดู ฝรั่งได้ยินแค่คำว่า ซาตาน ก็หนาวแล้ว ของไทยเพื่อให้ได้รสชาติ หนักแน่น เลยมีคำว่า "ผีห่า ซาตาน" ยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก เคยมีข่าวรถยนต์คันหนึ่งหมายเลขทะเบียน 666 อยู่ดี ๆ ก็เกิดไฟไหม้หวอดไปทั้งคัน โดยไม่ทราบสาเหตุ บ้างก็โทษไปถึงคุณซาตาน อย่าไปว่าแต่เขาเลย ของไทยเราก็ไม่ชอบเลข 6 สักเท่าไหร่ บ้างว่า "หก" เรี่ยราด ย่อมไม่ดี นอกจากนี้ มีเรื่องทักกันเสมอ ห้ามทำโน่น ห้ามทำนี่ เช่น พุธห้ามตัด พฤหัสห้ามถอน ศุกร์ห้ามขึ้นเขา เสาร์ห้ามลงทะเล ฯลฯ ก็เลยค้นหาความเป็นไปเป็นมาของหมายเลข 666 ดังกล่าว และเป็นเรื่องจริง ผมยังไม่เคยเห็นรถยนต์หมายเลขทะเบียนดังกล่าวเลย แต่เห็นมีการประมูลหมายเลขสวย มีหมายเลขดังกล่าวด้วย หากใครศึกษาหรือเคยได้ยินเรื่องนี้ ผมคิดว่าเขาคงไม่ไปเสี่ยง และเสียเงินค่าประมูลมาไว้ประดับความโก้เก๋

ทำไม หาก เป็นหมายเลข 6666 หรือ 66 จะเข้าข่ายด้วยหรือไม่ ไม่มีตำราบอกไว้ และไม่เห็นมีใครพูดถึง แต่คงไม่ใช่หมายเลขของซาตาน เพราะเครื่องหมายสามเหลี่ยมซ้อนกัน เหมือนหันไป ชี้ไปในสามทิศทาง ก็เอาแค่ 3 ตัวพอ อย่าเชื่อนะครับ นี่ความคิดของผม บางคนก็บอกว่า จะไปโง่ทำไม ก็ใช้เลขไทย ๖๖๖ แทนซิ ผีฝรั่ง มันดูไม่รู้เรื่องหรอก ????? มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

เรื่องราวของเลขอาถรรพณ์ 666 ที่ ฝรั่งแสนจะกลัวนักกลัวหนา มีการตีความกันมานับแต่โบราณกาล จวบจนปัจจุบันว่าปิศาจร้ายที่จะมาพร้อมกับเลขนี้ มันคืออะไรกันหนอ ซึ่งก็ยังเถียงกันไม่จบหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
ในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกเรียกว่า Old Testament กับ New Testament เล่มสุดท้ายในจำนวน 27 เล่มของ NewTestament มีชื่อว่า Revelation หรือบางแห่งก็เรียกว่า Apocalypse ตามศัพท์เดิมที่มาจากภาษากรีก (ขอใช้คำทับศัพท์เพื่อป้องกันความผิดพลาด) มีเนื้อหาเรื่องราวมากกว่าเล่มอื่นๆ และ 666 ก็มาจาก Revelation นี่เอง ในบทที่ 13 ตอนที่ 16-18 ของคัมภีร์กล่าวถึงสัตว์ร้าย (beast) ซึ่งน่าจะหมายถึงซาตานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาคริสต์ (ตามเนื้อหาในหนัง) สัตว์ร้ายที่ว่านี้มีชื่อซึ่งเขียนได้ตรงกับตัวเลขที่มนุษย์ใช้กันคือ 666, ไบเบิล เองนั้นตีพิมพ์ออกมาหลายภาษา แค่ที่เป็นภาษาอังกฤษก็มีอยู่หลายเวอร์ชั่น ดังนั้น จึงมีความแตกต่างกันไปบ้างนิดๆหน่อยๆ อย่างคัมภีร์บางฉบับบอกแค่ว่า 666 เป็น สัญลักษณ์ ที่อยู่ประจำตัวสัตว์ร้ายนั้น ฝรั่งเขาตีความกันว่าสัตว์ร้ายนั้นต้องเป็นใครสักคน ที่ต่อต้านศาสนาคริสต์ หรือเป็นตัวการทำลายล้างมนุษยชาติ ทำให้มีข้อมูลแปลกๆหลายอย่างเกิดขึ้นมาให้เห็น โดยที่ทั้งหมดสามารถถอดรหัสออกมาได้เป็น 666!!!

พระกรีก นิกายโปรเตสแตนต์รูปหนึ่งชื่อ อิเรเนอุส ผู้มีชีวิตอยู่ในราว ค.ศ.100-202 พระรูป นี้ขึ้นชื่อในเรื่องต่อต้านพวกที่เป็นปฏิปักษ์กับศาสนาคริสต์ แบบโปรเตสแตนต์ หลังจากเสียชีวิตไป ได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญอิเรเนอุส ได้เขียนหนังสือชื่อว่า Against Heresies ในนั้นได้กล่าวถึงเลข 666 ไว้ไม่น้อย ท่านได้ใช้ภาษากรีกในยุคของท่านเขียนแทนคำหลายคำ อย่างเช่นคำว่า LATEINOS ซึ่ง มีความหมายว่า "คนที่ใช้ภาษาลาตินในการพูดสื่อสารกัน" จากนั้น ตัวอักษรแต่ละตัวเมื่อแทนค่าด้วยตัวเลขตามความหมายในภาษากรีกโบราณแล้ว จะได้ค่าตัวเลขดังต่อไปนี้ L=30 A=1 T=300 E=5 I=10 N=50 O=70 S=200 เมื่อเอาตัวเลขที่ได้มารวมกัน แล้วได้ค่าเท่ากับ 666 พอ ดี ที่น่าประหลาดคือ ลาตินเป็นภาษาทางการของวาติกัน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคริสต์แบบโรมันคาทอลิก นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายคำที่เมื่อแปลงตัวอักษรไปเป็นตัวเลขโดยวิธีเดียวกันแล้วก็จะได้ 666 เช่นกัน คำเหล่านั้น ได้แก่ HE LATINE BASILEIA (แปลว่า อาณาจักรของพวกลาติน) ITALIKA EKKLESIA (ศาสนาคริสต์แบบอิตาลี ซึ่งก็น่าจะหมายถึงโรมันคาทอลิกนั่นเอง) APO STATES (การกบฏทางศาสนา) PARADOSIS (คำนี้ตรงกับคำว่า Tradition ใน ภาษาอังกฤษความหมายในที่นี้เจาะจงถึงข้อปฏิบัติบางอย่าง ที่คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ไม่พอใจว่าวาติกันกำหนดขึ้นเอง โดยวาติกันให้เหตุผลว่าเป็นข้อปฏิบัติที่ไม่ถูกบันทึกไว้) เกี่ยว กับการแทนค่าของคำแต่ละคำ นอกจากการแปลงตัวอักษรเป็นตัวเลขโดยใช้ภาษากรีกโบราณแล้ว การแปลงโดยใช้ภาษาฮีบรูในคำบางคำที่มีความหมายว่าอาณาจักรโรมัน และคนโรมัน ก็ให้ค่า ตัวเลขรวมออกมาเป็น 666 เช่นกัน (ขอให้ดู ตารางประกอบด้วยจะเห็นภาพที่ชัดเจน) ดัง นั้น ความหมายตามที่อิเรเนอุสถอดรหัสออกมา สัตว์ ร้ายหรือปิศาจที่กล่าวถึงในไบเบิลคือพวกที่ไม่ยึดถือตามแนวทางปฏิบัติแบบเดิมนั่นเอง
เหรียญ ทองโบราณที่ทำขึ้นในยุคบาบีโลนจำนวนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ ในกรุงเบอร์ลิน เป็นเหรียญสองด้านที่บอกให้ ทราบว่าพวกเขานับถือพระอาทิตย์ อีกด้านหนึ่งเป็นตารางสี่เหลี่ยมจำนวน 36 ช่อง คือเรียงในแนวตั้งหกช่อง แนวนอนหกช่อง ตารางนี้ใส่ตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 36 ลงไปโดยไม่ซ้ำกัน ซึ่งนักโบราณคดีกล่าวว่า ช่องทั้ง 36 ช่องมีความหมายถึงสวรรค์ ที่ยึดหลักดาราศาสตร์ 36 ชั้น เหรียญพวกนี้จะใช้ประกอบการทำนายอนาคตที่นักบวชจะเป็นผู้ทำหน้าที่นั้น แม้จะไม่ได้โยงไปหาไบเบิล แต่ที่แปลกคือ ตัวเลขในตารางแต่ละแถว ไม่ว่าแนวตั้ง หรือแนวนอนรวมกันแล้วได้ผลลัพธ์เป็น 111 ซึ่งเมื่อคูณด้วย 6 (ซึ่งหมายถึง 6 แถว) ก็ได้ค่าออกมาเป็น 666 แม้กระทั่งช่องตามแนวทแยง ก็ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ส่วนอีกเหรียญหนึ่งเป็นของกรีกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน (สำหรับคนที่เคยเล่นเกมส์ Sudoku คงเข้าใจหลักการของการเรียงตัวเลขแบบนี้แต่ที่แปลกคือทำไมต้องเป็น 666?)
มีนักทำนายอนาคตชาวตะวันตกบางคนทำนายโดยอิงข้อความดังกล่าวจากไบเบิลไว้ว่า 666 นั้นเป็นการบอกถึงวันสิ้นโลก ซึ่งน่าจะได้แก่วันที่ 6 เดือนมิถุนายน ค.ศ.1906 หรือไม่ก็ วันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ.2006 ซึ่งทั้งสองวันตามคำทำนายก็ผ่านมาเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น



นอกจากการเกี่ยวข้องในด้านความเชื่อทางศาสนาแล้ว 666 ยังไปเกี่ยวข้องกับอะไรที่แปลกๆอีกหลายเรื่อง

ผลบวกตัวเลขทั้งหมดในวงล้อรูเล็ตต์ซึ่งมีตัวเลข 1 ถึง 36 นั้นเท่ากับ 666 เป็นชื่อเล่นที่นักเคมีใช้เรียก Benzene Hexachloride ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงที่ออกฤทธิ์แรงมาก สัญลักษณ์ทางเคมีของสารชนิดนี้คือ 6H6C16

ผลบวกของค่าเงินแบบเหรียญของญี่ปุ่นซึ่งมีมูลค่า 500, 100, 50, 10, 5, 1 เยน รวมกันแล้วเท่ากับ666 เช่นเดียวกับผลบวกของตัวเลขโรมัน D=500, C=100, L=50, X=1, V=5, I=1 (แต่เลขโรมันยังมีMอีกตัวที่มีค่าเท่ากับ1000)

ชื่อเต็มของอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน นั้นมีจำนวนตัวอักษรที่นับได้ 666 คือ RONALD WILSON REAGAN ทำให้เขามีชื่อเล่นในหมู่คนสนิทว่า "666" นอกจากนั้น บ้านที่แคลิฟอร์เนียของเขาในช่วงที่พ้นจากตำแหน่งคือบ้านเลขที่ 666 ซึ่งต่อมาถูกขอให้ เปลี่ยนเป็น 668
ที่สหรัฐอเมริกามีทางหลวงหมายเลข 666 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "the Highway of the beast" ต่อมาถูกเปลี่ยนหมายเลขเป็น 491ในปี2003

โลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วหลังการเกิดของคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต หลายคนมองว่าเป็นตัวการที่นำมนุษยชาติไปสู่การทำลายล้างกันได้เร็วขึ้น และ ง่ายขึ้น ถ้าเราเอาตัวอักษร ในภาษาอังกฤษเริ่มจาก A แทนค่าด้วย 1, B=2 แบบนี้ไปจนถึงตัว Z ซึ่งเท่ากับ 26 แล้วเอาตัวเลขที่ได้มาแทนค่าในคำว่า COMPUTER ตัวเลขที่ได้คือ 3 15 13 16 21 20 5 18 เมื่อเอาตัวเลขแต่ละตัวคูณด้วย 6 แล้วนำผลลัพธ์มาบวกกัน ค่าสุดท้ายที่ได้คือ 666 ส่วนตัวอักษร www.ซึ่งรู้กันดีว่าคือ World Wide Web นั้น มีค่าเท่ากับ666 ในภาษาฮีบรู เพราะตัวอักษรตัวที่ 6 ในภาษาฮีบรูนั้นเขียนเป็น W หรือ V
สรุปแล้ว 666 สำหรับชาวคริสต์บาง กลุ่มเป็นตัวเลขที่ไม่ น่าพิสมัยเอาเสียเลยซึ่งเรื่องเกี่ยวกับอาถรรพณ์เลข 666 นี้ก็มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วถึง 2 ครั้งในชื่อ The Omen ครั้งแรกฉายเมื่อปี ค.ศ.1976 และนำกลับมาสร้างใหม่ออกฉายในปีนี้ เนื้อหาของหนังเป็นเรื่องราวของปิศาจร้ายที่มาเกิดเพื่อทำลายล้างมนุษย์ให้หมดไป
การ มาของมันจะมีเหตุการณ์ร้ายๆหลายอย่างเกิดขึ้นบนโลกเราในทำนองลางบอกเหตุ ปิศาจร้ายจะเกิดขึ้นมาในลักษณะของทารกเพศชายโดยทั่วไป แต่มีสัญลักษณ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดคือ เลขอาถรรพณ์666

ที่มาของเลขซาตาน หรือ 666 นั้น มาจากคำทำนายที่ถกเถียงกันอย่างไม่สิ้นสุดในพระคัมภีร์วิวรณ์ ซึ่งเป็นบทสุดท้ายในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ พระคัมภีร์วิวรณ์เล่าถึงวันสิ้นโลก (Armageddon) ซึ่ง เกิดมหาสงครามขึ้นระหว่างความดีและสิ่งชั่วร้าย โดยในที่สุดความดีหรือพระเจ้าจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ ทั้งนี้ในคัมภีร์นี้เรียกซาตานว่าเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์
บทที่ 13 ของคำภีร์วิวรณ์กล่าวถึงเลข 666 อย่าง ชัดเจน โดยได้บรรยายถึงสัตว์ร้ายหรือซาตานที่มีอำนาจชั่วช้าและคุณลักษณะของเหล่า สาวกของมัน โดยมีตอนหนึ่งระบุว่า บนมือขวาและหน้าผากของพวกจะมีเครื่องหมายของซาตานบ่งบอกไว้ ซึ่งก็คือหมายเลข 666 นั่นเอง


computer รหัสลับซาตาน
นานนับหลายร้อยปีแล้วที่บรรดานักเทววิทยาครุ่นคิดและพยายามตีความภาษาเชิง สัญลักษณ์ที่เต็มไปด้วยคำทำนายเหล่านี้ และยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันถึงความหมายที่แท้จริงของหมายเลขนี้ นักเทววิทยาที่ศึกษาเรื่องวันสิ้นโลกบางกลุ่มตีความว่า "สัตว์ร้าย" คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกควบคุมโดยผู้ที่ต่อต้านพระคริสต์ หรือเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์เอง ขณะที่นักวิชาการบางกลุ่มเชื่อว่าหมายเลข 666 ใน คัมภีร์วิวรณ์อ้างถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ เช่น ดร.เดลเบิร์ต ฮิลเลอร์ ซึ่งเชื่อว่าหมายเลขนี้เป็นรหัสของจักรพรรดิเนโร รวมถึงจักรพรรดิของชาวโรมันองค์อื่นๆ อีก ซึ่งมีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สนับสนุนด้วย เนื่องจากจักรพรรดิเหล่านี้ปราบปรามและเข่นฆ่าทั้งชาวยิวและชาวคริสต์ในยุค แรกอย่างหนัก ขณะที่ทราบกันว่า ชน 2 กลุ่มนี้มีชีวิตอยู่รอดด้วยการใช้ตัวเลขและรหัสเพื่อหลบหลีกการถูกประหัตประหารภายใต้การปกครองของจักรพรรดิโรมัน
นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่าทำไมถึงต้องเป็นเลข 666 แต่ก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด บางกลุ่มเชื่อว่า เลข 6 เป็นเลขของมนุษย์ เนื่องจากคัมภีร์ไบเบิลเล่าว่าพระผู้เป็นเจ้าสร้างมนุษย์ในวันที่ 6 ขณะที่ซานตานนั้นถูกระบุว่าเป็นสิ่งมีชวิตที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (ตรงข้ามกับแนวคิดที่พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง) ดังนั้น หมายเลขของซาตานน่าจะเกี่ยวพันกับหมายเลขของมนุษย์และเป็นที่มาของหมายเลข 666 อย่างไรก็ตาม คำอธิบายดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในทฤษฎีที่ถกเถียงกันอย่างไม่มีวันจบเกี่ยวกับเลขนี้เท่านั้น
แต่ที่แน่ๆ มีชาวคริสต์ไม่น้อยที่หวาดหวั่นกับตัวเลขนี้ ไม่แพ้กับเลข 13 จึงไม่น่าแปลกที่ต่างพยายามหลีกเลี่ยงการใช้เลขอาถรรพณ์เหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อบริษัทอินเทลผลิตซีพียูรุ่นเพนเทียม 3 ความเร็ว 666 เมกะเฮิร์สออกมาในปี 1999 ก็ตัดสินใจวางจำหน่ายในชื่อ "Pentium III 667" แทน
แต่ในปัจจุบันมีการนำเอาเลข 666 มาตีความหมายที่หมายถึง COMPUTER ที่เรา ๆ ใช้กันอยู่นี่แหล่ะค่ะ ว่ากันว่าถ้านำเอาตัวอักษรในภาษาอังกฤษมาลองเรียงกันดู คือ ให้ A เป็น 1 B เป็น 2 C เป็น 3 แบบนี้ไปเรื่อย แล้วนำเอาตัวอักษร ของคำว่า COMPUTER มา คูณ ด้วย 6 แล้ว บวกกันก็จะได้ 666 พอดี นั่นคือ

C=3x6 = 18
O=15x6=90
M=13x6=78
P=16x6=96
U=21x6=126
T=20x6=120
E=5x6= 30
R=18x6=108
รวมกันก็เท่ากับ 666

ซึ่งก็หมายความว่า COMPUTER ก็คือเครื่องมือของซาตานชนิดหนึ่ง ที่ทำให้มนุษย์ตกเป็นทาสของมัน
หรืออีกนัยหนึ่ง….
SATAN เป็นปฏิปักษ์ กับพระเจ้า คนไทยรู้จักกันในนามของ มาร ในคัมภีร์ อัลกุรอานเรียกว่า DAJJAL ถือ ว่าเป็นตัวมารที่มีวิธีหลอกล่อทุกรูปแบบที่ทำให้มนุษย์หลงผิด ประพฤติชั่ว แม้ว่าพระพุทธเจ้ากับพระเยซูจะทรงเอาชนะพวกมารมาแล้ว แต่มารก็ยังออกเพ่นพ่านอาละวาดไปทั่วโลก สร้างอำนาจท้าทายอิทธิฤทธิ์ของพระเจ้าอย่างต่อเนื่องตลอดมา ในพระธรรมวิวรณ์ REVELATION เป็นการบันทึกของสาวกคนสำคัญของพระเยซูชื่อ จอร์น ท่านเป็นอัครทูตคนหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่แก่ตาย ได้เขียนบันทึกถึงวันสิ้นยุค หรือ ARMAGEDDON เอาไว้ มีการไขปริศนา ของเลข 666 ซึ่งเป็นเลขของ มาร ปิศาจ หรือ SATAN ในพระธรรมวิวรณ์บทที่ 13 ข้อ 11-18

ลองมาทดสอบกัน ให้นำตัวอักษร ภาษาอังกฤษ นับจาก A = 1 ไป แล้วลองนำคำว่า COMPUTER อักษรทุกตัวที่ปรากฎ คูณด้วย 6 ดังนี้

C = 3 x 6 =18
O=15 x 6 = 90
M=13 x 6 =78

P= 16 x 6 =96
U= 21 x 6 =126
T= 20 x 6 =120
E= 5 x 6 =30
R= 18 x 6 =108

เมื่อนำผลลัพธ์ที่ได้ มา บวกรวมกัน จะได้ผล = 666 พอดี นั่นแสดงให้เห็นว่า SATAN ในยุคปัจจุบันนั่น ใช้ COMPUTER เป็น เครื่องมือในการล่อลวง ผู้คน ให้กระทำการหลายอย่างที่เป็นความชั่ว(ข้อมูลจากหนังสือ ฤาจะถึงกาลสิ้นยุค ของ ศ.เจริญ วรรธนะสิน หน้า 230)

"ซูเปอร์คาร์"ป้ายทะเบียน 666 ประสบ เหตุไฟไหม้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ว่า เกิดเหตุรถ"ซูเปอร์คาร์"ป้ายทะเบียน 666 ประสบ เหตุไฟไหม้อย่างเป็นปริศนา ในเมืองคอสโตรมา ของประเทศรัสเซีย โดยไม่ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รถยนต์ดังกล่าวอยู่ในสภาพเสียหายยับเยิน โดยหน้ารถเละเหมือนถูกระเบิด เก้าอี้นั่งถูกเผาวอด เครื่องยนต์อยู่ในสภาพไหม้เป็นซาก และเหล็กชิ้นส่วนของรถยนต์บิดเป็นเกลียวและละลาย แต่ที่น่าแปลกก็คือ ไฟไหม้ได้เกิดขึ้นภายในตัวเครื่องของรถยนต์ โดยล้อรถยนต์ยังมีสภาพเสียหายน้อยกว่าตัวเครื่องเสียอีก

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า สิ่งเดียวที่อธิบายได้จากเหตุการณ์นี้ก็คือ รถยนต์ดังกล่าวมีป้ายทะเบียน 666 ซึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรปถือว่าเป็นเลขของซาตาน หรือ"ตัวเลขของปีศาจ"



สุดสยอง!ลัทธิบูชาปีศาจจ้วงฆ่า'666'แผล-ก่อนลงมือกินเนื้อเหยื่อ

เดอะซัน - วัยรุ่น 4 รายถูกฆ่าอย่างสยดสยองในรัสเซียด้วยฝีมือของกลุ่มลัทธิซาตานิสต์ ซึ่งลงมือจ้วงแทงเหยื่อแต่ละราย 666 ครั้ง จากนั้นก็กินกลืนเนื้อผู้เคราะห์ร้าย
แก๊งลัทธิบูชาปีศาจ สังหารเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมและนำไปย่างบนกองไฟ ก่อนสวาปามเนื้อของพวกเขา
ตำรวจผู้ตกตะลึงพบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกนำมาเทในหลุมโดยข้างๆมีสัญลักษณ์ที่ใช้ในกลุ่มลัทธิซาตานิสต์ปรากฎอยู่
เหยื่อทุกคนถูกแทง 666 แผล ซึ่งเป็นจำนวนของรหัสปีศาจหรือปฏิปักษ์ของพระคริสต์ ลักษณะเหมือนในภาพยนต์สยองขวัญ The Omen (อาถรรพณ์กำเนิดซาตานล้างโลก)
ทั้งนี้เหยื่อ 4 คน ที่ประกอบด้วยหญิง 3 คนและผู้ชาย 1 คน อายุระหว่าง 16 ถึง 17 ปี พวกเขาถูกล่อลวงมายังกระท่อมและถูกบังคับให้ดื่มก่อนถูกฆ่าอย่างทารุณ
ผมของเหยื่อถูกพบในกองถ่านที่มอดแล้ว ที่ทางแก๊งก่อไว้ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยตำรวจเชื่อว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านั้นถูกปรุงเป็นอาหารในกองไฟก่อนสมาชิก แก๊งลัทธิบูชาปีศาจจะกินเนื้อของพวกเขา
นอกจากนี้ชิ้นส่วนของลับของพวกเขายังถูกตัดออกในพิธีบูชายัญอันน่าสะอิดสะเอียน ณ พื้นที่ชนบทแห่งหนึ่งของรัสเซีย
หลังจากตำรวจจับกุม 8 ผู้ ต้องสงสัยสมาชิกของแก๊งนี้ หนึ่งคนในนั้นคุยโม้ถึงการขุดหลุมศพเด็กผู้หญิงที่ตายใหม่ๆและกินหัวใจของ เธอ ขณะที่อีกคนกล่าวว่าเขาไม่คิดว่าจะถูกลงโทษโดยเชื่อว่า "ซานตานจะช่วยผมหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ผมบูชายัญมอบแด่ท่านจำนวนมาก"
ศพถูกพบในเมืองยาโรสลาฟ 300 ไมล์จากมอสโก สร้างความตื่นกลัวไปทั่วรัสเซีย หลังกลุ่มลัทธิซาตานิสต์ลงมือสังหารเหยื่ออย่างต่อเนื่อง
เหยื่อทั้งหมดที่หายตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน มีชื่อว่า อันยา โกโรโชวา, โอลกา ปูโชวา, วาร์ยา คุซมินา และ อังเดร โซโรกิน
ตำรวจเริ่มแกะรอยตามแก๊งนี้หลังจากค้นพบว่าเหยื่อทุกรายเคยโทรศัพท์ ติดต่อกับ นิโคไล โอโกลอบยัค หัวหน้าแก๊ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบอกว่าทั้งหมดรู้จักกับ โอโกลอบยัค มาก่อน

เครดิต : http://www.chaibadancrime.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538685305&Ntype=1


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2012-02-21 19:43:34


เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
Tong43
#37
21-02-2012 - 19:57:20

#37 Tong43  [ 21-02-2012 - 19:57:20 ]





งั้นไม่ต้องเข้าเว็บละ



It's been a while...
Nebula Eva
#38
21-02-2012 - 20:46:18

#38 Nebula Eva  [ 21-02-2012 - 20:46:18 ]





^
^
^

กรณีเราคงเลิกยาก เพราะแค่มีคอมอย่างเดียวไม่มีเน็ตก็แทบจะเอาหัวมุดคอมแล้ว



เหมือนชีวิตจะยุ่งๆนะ
เด็กซ่าบ้านแสบ
#39
เด็กซ่าบ้านแสบ
21-02-2012 - 20:48:19

#39 เด็กซ่าบ้านแสบ  [ 21-02-2012 - 20:48:19 ]






quote : Nebula Eva

quote : เด็กซ่าบ้านแสบ

quote : Nebula Eva

quote : Pepopammy

พี่อย่าโพสต์อีกเลย หนูกลัวแล้ว แง้ ฮือๆ หลอนมากๆ อยู่คนเดียวด้วย


อย่าอ่านตอนกลางคืนสิ พี่ก็อยู่คนเดียวนะ ไม่เห็นกลัว(แต่ถ้าเจอก็วิ่งเหมือนกัน)

พวกนี้โสดคานเหล็กจริงๆแฮะ


ทำเป็นพูดดีไป หาของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยว่าชาวบ้าน

แทงใจดำไปดีกว่า


Pepopammy
#40
21-02-2012 - 21:41:27

#40 Pepopammy  [ 21-02-2012 - 21:41:27 ]




เด็กซ่าบ้านแสบ # แรงนะ



ただいま!

ลงข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้
เข้าสู่ระบบสมัครสมาชิก



โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายส่วนบุคคนก่อนเริ่มใช้งาน [นโยบายส่วนบุคคล]
ยอมรับ